ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในรถเข็น

ปัญหาผิวพรรณ

การถนอมผิวพรรณ

ให้เรตสมาชิก: 0 / 5

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

การถนอมผิวที่ดีที่สุด คือ ให้อาหารผิว ทำความสะอาดแล้วปล่อยให้ผิวได้พักผ่อนเต็มที่ คือ เวลานอน เมื่อชำระล้างผิว – ซับหน้า – บำรุงผิวแล้ว ไม่ควรทาอะไรอีก (ยกเว้นช่วงแก้ปัญหา ก็เสมือนให้ยารักษาผิว)

ไม่ควรมีสิ่งแต่งหน้า ทาหน้า รอยขีดเขียน เคลือบผิว ติดค้างอยู่ขณะหลับ คิดดี ทำดี สดชื่นแจ่มใส จิตใจเบิกบาน หลับได้นานๆ ผิวก็ผสาน พลอยมีน้ำมีนวล

กายวิภาคของผิวหนัง (Skin) เมื่อตัดตามขวาง แบ่งออกได้เป็น 2 ชั้น

  1. 1 หนังกำพร้า (Epidermis) เป็นชั้นนอกสุดของร่างกาย ไม่มีหลอดเลือด หรือน้ำเหลือง ความหนาบางแล้วแต่ตำแหน่ง โดยทั่วไปจะบางมาก ดังเช่นที่เราพบเวลาผิวถลอกแต่บางแห่งก็หนาได้มาก เช่น ฝ่าเท้า ฝ่ามือหนังกำพร้ามีหลายชั้น ชั้นบนสุดเรียก Stratum corneum เป็นชั้นขี้ไคลหรือเซลล์ที่ตายแล้ว เวลาถูจะหลุดลอกออกไปตามธรรมชาติ ส่วนชั้นล่างสุดเรียก Stratum germinativum หรือ Basal cell layer หรือ Basement membrane เป็นชั้นของ Cell ต้นกำเนิดเซลล์ชั้นต่างๆ ข้างบน เซลล์สำคัญคือ Melanocyte (เซลล์สร้างสี) ซึ่งมีสอดแทรกทั่วไปในชั้นนี้ มีหน้าที่สร้างเม็ดสี (melanin pigment) เข้าสู่เซลล์ผิวหนังทั่วไปรอบๆ ข้าง การทำงานมากน้อยของ Melanocyte มีผลให้ผิวสีดำมากน้อยต่างกัน ปกติ 7 – 14 วัน เซลล์ชั้นนี้จะแบ่งตัวให้กำเนิดเซลล์ใหม่แล้วค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาแทนที่เซลล์ชั้นบน อาจใช้เวลาถึง 3 – 4 สัปดาห์ ส่วนเซลล์ชั้นบนหลุดลอกตายไปเป็นชั้นขี้ไคล
  2. 2 หนังแท้  (Dermis)  อยู่ใต้หนังกำพร้า  มีความหนา 1 – 2 มิลลิเมตร 
    • ชั้นบนติดอยู่กับหนังกำพร้า ลักษณะนูนเป็นตุ่มหรือปุ่ม มีเส้นโลหิตฝอย ปลายประสาท
    • ชั้นล่างหรือชั้นลึกมีไขมันมีรากขนหรือผมฝังตัวเต็มไปหมด มีต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน

หน้าที่ของผิวหนัง

  • ห่อหุ้มและป้องกันอวัยวะภายใน ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันอันตรายจากรังสีและแสงแดด
  • รับความรู้สึก
  • ขับของเสียทางต่อมเหงื่อ, ต่อมไขมัน (Sweat gland + sebaceous gland)
  • ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้นเพราะมีการขับน้ำของต่อมเหงื่อต่อมไขมัน
  • ทำหน้าที่ดูดซึมน้ำหรือไขมันภายนอกเข้าสู่ร่างกาย
  • รักษาระดับอุณหภูมิในร่างกาย

สภาพผิดปกติของผิวหนัง

  • หลอดโลหิตที่ผิวหนังขยายตัวทำให้ผิวหนังมีสีแดงผิดปกติ
  • เม็ดโลหิตในเส้นเลือดต่ำหรือจำนวนน้อยลงผิวหนังจะสีซีด, หลอดโลหิตหดตัว ® ผิวซีด
  • ผิวหนังสีเขียวคล้ำหรือสีม่วงเนื่องจากในโลหิตมีออกซิเจนไม่เพียงพอ

ส่วนที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง

เล็บ เกิดจากเซลล์ผิวหนังกำพร้า แข็งและมีความใส สามารถมองเห็นโลหิตใต้เล็บ

ผมหรือขนเป็นส่วนหนึ่งของเซลล์หนังกำพร้าเหมือนกัน มีรากผมฝังตัวอยู่ในบ่อไขมันซึ่งจะทอดลึกลงไป จนถึงชั้นของหนังแท้

ต่อมเหงื่อ  (Sweat gland)  มีกระจายอยู่ทั่วกายแต่ละส่วน   มีจำนวนของต่อมไม่เท่ากัน ที่มากที่สุดคือ   รักแร้ ฝ่ามือ และหน้าผาก จะมีหลอดโลหิตและเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยง

ต่อมไขมัน (sebaceous gland) ฝังตัวอยู่ใต้ผิวหนังแท้กระจายอยู่ทั่วไป จะมีมากที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หนังศีรษะ ใบหน้า ช่องทวารหนักอาจมีโอกาสเกิดการอุดตันได้

รูขุมขน

รูขุมขนเป็นท่อทางออกของไขมัน ที่ต่อมไขมันใต้ผิวสร้างแล้วขับขึ้นมาปกป้องผิวจากอากาศแห้ง และสิ่งระคายเคือง ตลอดจนขับถ่ายของเสียออกทางผิวหนัง นอกจากจะเป็นที่อยู่ของขนแล้ว รูขุมขนยังเป็นที่อยู่ของต่อมไขมันด้วย ต่อมไขมันนี้มีหน้าที่สร้างไขมันออกมาตามท่อของต่อมไขมัน แล้วจึงเปิดเข้าสู่ท่อรูเดียวกันกับที่ขนออกมาสู่ผิวหน้า (รูขุมขน) รูขุมขนที่กว้างทำให้ดูผิวหยาบกร้าน แต่ก็ชดเชยด้วยการเกิดสิวยากขึ้น ด้วยได้ท่อทางออกใหญ่ อุดตันยาก รูขุมขนกว้างมักพบผิวบริเวณนั้นเป็นมันด้วย

        ปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง จึงมักมากับปัญหาหน้ามัน แต่ถ้าหน้ามันเฉพาะบริเวณที่รูขุมขนกว้าง โดยผิวบริเวณอื่นธรรมดาหรือผิวแห้ง ก็จะเป็นปัญหาเรื่องรูขมขุนกว้างในคนผิวผสม ไขมันที่สร้างและส่งขึ้นมาจากต่อมไขมันใต้รูขุมขนจะทำหน้าที่เคลือบผิวหน้าไว้ไม่ให้น้ำในร่างกายระเหยออกไปจากผิว ทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือครีมให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ ดังนั้น การที่คนเราจะหน้ามันหรือหน้าแห้ง ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของต่อมไขมัน ถ้าต่อมไขมันขยันสร้างไขมันออกมาเคลือบผิวมากหน้าก็จะมัน สร้างออกมาน้อยเกินไปก็จะแห้ง สร้างออกมาพอดีไม่มากหรือน้อยก็เป็นผิวธรรมดา ที่ใครๆ ปรารถนา สิ่งที่ทำหน้าที่ควบคุมให้ต่อมไขมันขยันสร้างไขมัน คือ ฮอร์โมนเพศ

        เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น รังไข่ อัณฑะ และต่อมหมวกไตจะมีการสร้างฮอร์โมนเพศออกมา ทำให้เรามีลักษณะของความเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ขณะเดียวกันฮอร์โมนเพศก็จะไปกระตุ้นทำให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้นสร้างไขมันมากขึ้น ท่อระบายไขมันหรือรูขุมขนมักจะขยายมีขนาดใหญ่ ปัญหาหน้ามันจึงมักพบตั้งแต่วัยรุ่น ในกรณีที่สร้างไขมันออกมามากจนไม่สามารถออกมาสู่ผิวหนังได้ทันก็จะติดค้างเกิดอุดตันอยู่ข้างใน กลายเป็นสาเหตุของสิว คนที่หน้าหยาบเพราะรูขุมขนใหญ่ควรภูมิใจว่ามีท่อระบายไขมันที่มีประสิทธิภาพ มีขนาดเหมาะสมกับขนาดของต่อมไขมัน เพราะถ้ารูขุมขนไม่ใหญ่พอก็จะเป็นสิวแทน ขนาดของรูขุมขนที่ใหญ่ นอกจากจะขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมไขมันแล้ว ยังขึ้นกับปัจจัยอีก 2 อย่างคือ กรรมพันธุ์ และการรบกวนขัดถูผิว การรบกวนขัดถูผิว หลีกเลี่ยงได้คืออย่าไปขัดถูผิวแรงๆ รวมถึงการใช้ฟองน้ำ หรือหินมาขัดหน้า ครีมที่มีผงขัดหน้าก็เป็นสาเหตุให้รูขุมขนใหญ่ได้

 

ผิวต้องการอะไร

        การพักผ่อน ไม่ได้หมายถึงการนอนหลับเพียงอย่างเดียวแต่ยังหมายถึง การทำจิตใจให้สบาย ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน ความสนุกสนานรื่นเริง ในชีวิตประจำวัน จะทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่จะทำงานต่อสู้กับโรคภัย ไม่ทรุดโทรมเร็วเกินไป …ตลอดจนการที่ไม่ต้องรองรับเครื่องสำอางใดๆ ขณะนอนหลับ

        ปกติ ร่างกายต้องการนอนหลับ 6 – 8 ชั่วโมง เมื่ออายุมากขึ้น นอกจากร่างกายต้องการนอนหลับแล้ว จิตใจมีเวลาพักผ่อนบ้าง เช่น การหยุดคิดถึงสิ่งที่เป็นกังวล ตึงเครียด มีเวลาหย่อนใจ เช่น ฟังเพลง เที่ยวเตร่ พูดคุยสนุกสนาน ตามความเหมาะสม แล้วแต่วิธีของแต่ละบุคคล ควรมีการใช้งานกล้ามเนื้อต่างๆ บ้าง ถ้าทำงานประจำในลักษณะที่ต้องใช้สมองหรือกล้ามเนื้อเพียงบางส่วน การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สดชื่นขึ้น การไม่ใช้กล้ามเนื้อหรือใช้งานเพียงบางส่วนเป็นเวลานานนั้น จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ถูกใช้งานเสื่อมสภาพ

        การฟอกล้าง อาบน้ำก็จึงเป็นการกระตุ้นบำรุง ทำความสะอาดผิว อาหาร ควรรับประทานให้ครบถ้วน ได้แก่ จำพวกข้าวหรือแป้ง เนื้อสัตว์ โปรตีน ไขมัน ผักสีเขียว และเกลือแร่ต่างๆ ให้ได้สัดส่วนตามความเหมาะสมของแต่ละคน รับประทานให้เป็นเวลา ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทีละน้อย แต่บ่อยครั้ง ดีกว่าครั้งละมากๆ

 

ปัจจัยเสื่อม

        ผิวโดยปกติจะมีลักษณะเรียบ ตึง มีความชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม ตัวอย่างจะเห็นได้ในผิวทารก ที่มีอนามัยสมบูรณ์ เมื่อเวลาผ่านไปผิวพรรณจะเริ่มเสื่อมสภาพ ความแข็งแรงของผิวและความชุ่มชื้นจะค่อยๆ ลดลง ทำให้ผิวหย่อนยานเหี่ยวย่นหยาบกร้านขึ้น เป็นสภาพของผิวตามวัย แต่โดยส่วนมากแล้ว ผิวจะเสื่อมสภาพไปก่อนวัยเสมอ อันเนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น

  • ธรรมชาติ เวลาที่ผ่านไป อายุที่มากขึ้น การทำงานของร่างกายย่อมเสื่อมสภาพ จึงต้องยอมรับว่า เราสามารถทำได้เพียงการชะลอความเสื่อมของผิวพรรณให้เป็นไปช้าที่สุดเท่านั้น
  • อาหารที่ไม่ถูกส่วน หมายถึง การรับประทานอาหารไม่ครบไม่มีคุณค่าทางอาหารเพียงพอ ขาดสารอาหาร ส่งผลถึงความสมบูรณ์ของผิวหนัง และยังเป็นสาเหตุของโรคภัยที่เกิดกับมนุษย์กว่าครึ่ง
  • การใช้ชีวิตประจำวันที่ผิดปกติ เช่น การพักผ่อนหลับนอนไม่เพียงพอ การใช้แรงงานมากเกินกำลัง สภาพจิตใจที่ผิดปกติ อาทิ ตึงเครียด โกรธง่าย หงุดหงิด เบื่อหน่าย เหล่านี้ส่งผลถึงการทำงานของร่างกายและแสดงออกทางผิวหนังด้วย  โดยเฉพาะผิวหน้า
  • สิ่งระคายเคืองจากภายนอก หมายถึง สารเคมีต่างๆ การขัดถูเสียดสี รังสีอุลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) ในแสงแดด ความร้อน ความเย็น ฯลฯ
  • สารเคมี  ในที่นี้นอกจากสารจำพวกกรด ด่าง  เกลือต่างๆ แล้ว ยังหมายรวมถึงสารเคมีในเครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม สบู่ แป้งทาตัว สารเคมีในอาหารและยาที่รับประทาน ร่างกายคนเรานั้นแตกต่างกันบางคนได้รับสารนิดเดียวเกิดอาการแพ้มาก แต่บางคนรับสารเดียวกันเข้าไปปริมาณมากไม่เกิดอาการ 
  • สารบางอย่างเป็นคุณกับร่างกายได้ก็เป็นโทษได้เช่นกัน เช่น รังสีอุลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet) ในแสงแดดมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคและเสริมสร้างวิตามินดี แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถฆ่าเซลล์ และทำลายเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำลายความแข็งแรงของผิวเกิดการเหี่ยวย่น
  • ความร้อนสามารถให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้ แต่ถ้ามีมากเกินไปก็ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น แห้ง แตกระแหง
  • ความเย็นก็เช่นเดียวกัน

 

อันตราย!

        เครื่องสำอางรอบดวงตา มีหลายชนิดเป็นอันตรายต่อดวงตา อาจถึงขั้นตาบอด ส่วนหนึ่งในกลุ่มนั้น  คือ  ยาย้อมผม ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม และเครื่องสำอางรอบดวงตา สีที่ก่ออันตรายและไม่อนุญาตให้ใช้คือ น้ำมันดิน และผงสีดำชื่อ Kohl ซึ่งเป็นผงคล้ายถ่านที่ชาวอินเดีย, อาหรับ รวมทั้งเอเชียนิยมใช้เขียนคิ้ว ขอบตา และทาขนตาให้ดำยาว น้ำมันดินมีองค์ประกอบของสารก่อมะเร็ง ทั้งมะเร็งผิวหนัง และปอด Kohl มีโลหะหนักผสมคือ ตะกั่ว และพลวง

 

ปัจจัยเสริมส่งผิว

เมื่อนึกตามโครงสร้างของผิว ส่วนประกอบของเนื้อเยื่อใต้ผิว นอกจากปกป้องกันรังสียูวี ด้วยกันแดดให้ผิวแล้ว สิ่งสำคัญคืออาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ

  1. โปรตีน แน่นอนว่าส่วนประกอบสำคัญ นอกจากน้ำแล้วอะมิโนโปรตีน เป็นสิ่งสำคัญในโครงสร้างของเซลล์ผิวหนัง โปรตีนที่บริสุทธิ์ดูดซึมดี ก็น่าจะเป็นเวย์โปรตีน คอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก
  2. ไขมัน ผนังเซลล์และผนังไมโตคอนเดรีย สำคัญมากๆ ที่ต้องประกอบด้วยไขมันชั้นดี ที่ยอมให้สารอาหาร น้ำตาล พลังงานผ่านเข้า แล้วของเสียผ่านออกสะดวก จึงต้องไม่ใช่ไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลยาว ไขมันทรานส์ หรือไขมันพืชที่ผ่านการเติมไฮโดรเจนจนโครงสร้างสายโมเลกุลแข็งกระด้างโอเมก้า3 จากน้ำมันปลา น่าจะเหมาะสมในการสร้างผนังเซลล์ที่สุดจากน้ำมันรำข้าว ก็เป็นหน่วยเสริมที่ยอดเยี่ยม ด้วยมีอัตราส่วนโอเมก้า 3:6:9 = 1:2:1 อันเหมาะสม
  3. แร่ธาตุสำคัญคือสังกะสี…อันนี้ทราบกันดีอยู่แล้ว
    • วิตามิน สำคัญคือ วิตามินซี เพราะเป็นปัจจัยให้ไฟโบรบลาสท์ใช้สร้างคอลลาเจนร่วมกับอะมิโนโปรตีนทั้งหลาย
    • วิตามินเอ อันนี้พอหาได้ในอาหารประจำวัน มากไปอาจเกิดพิษได้
    • วิตามินดี3  มีมากับแสงแดด     เมื่อยูวีกระทบผิวแปลงคอเลสเตอรอลเป็นดี3 ได้ คงไม่เป็นปัญหาสำหรับเมืองอุดมแสงแดด
  4. สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนสายโมเลกุลยาว…เบต้ากลูแคน น่าจะเป็นสุดยอด ทั้งต้านอนุมูลอิสระจากรังสียูวี แล้วยังกระตุ้น หรือเป็นอาหารทิพย์แก่แลงเกอฮานส์เซลล์แห่งผิวให้มีพลังงานมหาศาลในการปกป้องดูแลผิว เป็นภูมิต้านทานที่จับกินเชื้อจุลินทรีย์ เชื้อโรคร้ายทั้งหลายที่จะมาก่ออักเสบแก่ผิว ห้าเสือต้านอนุมูลอิสระ ! ตัวที่โดดเด่น เช่น โอพีซี, กลูต้าไทโอน และโคคิวเทน สำหรับกรดไลโปอิค น่าจะเป็นทัพเสริมที่ยอดเยี่ยม ส่วนวิตามินซีนั้นทั้งเสริม ทั้งสร้าง ทั้งต้านพิษ อย่าลืมวิตามินอี ทหารรบกำลังน้อย แต่ต้องการปริมาณมาก เป็นด่านหน้าที่สำคัญสุดๆ ที่ต้องมีเพียงพอ จากแหล่งอาหารธรรมชาติทั้งหลาย สำหรับผิวภายนอกนั้น น้ำมันวิตามินอี ก็น่าจะดีเหลือหลายแล้วยังน้ำมันมะพร้าว VCO ก็มีวิตามินอี โทโคไทรอีนอลอันแรงกล้าประจำอยู่ด้วย ก็น่าจะได้อาศัย
  5. เซลล์ซ่อมเซลล์ ด้วยชีวโมเลกุล คงเป็นความหวังยิ่งยวดสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้าง ซ่อมบำรุง เซลล์ผิวที่เริ่มชรา เสื่อมสภาพอ่อนแอใกล้ตาย ให้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตชีวา…น่าจะเป็นการไปซ่อมสร้างไฟโบรบลาสท์ให้กลับหนุ่มสาวเข้าที่ จึงต้องอาศัยเซลล์ผิวเนื้อ ต่อมใต้สมอง และองค์รวม เป็นกำลังหลัก

 

การถนอม / บำรุงผิว

        หลีกเลี่ยงการรบกวนผิวหน้ารุนแรง ให้ล้างหน้าเบาๆ ใช้เพียงปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ ก็พอ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยขัดถู ใช้คำว่า “ซับหน้า” จะถูกต้องกว่า  “เช็ดหน้า” ใช้ผ้านุ่มๆ ซับเบาๆ ไม่ต้องออกแรงเช็ดถู ลักษณะผิวผสมคือบริเวณ T–ZONE คือหน้าผากและจมูกมัน ส่วน U–ZONE คือ แก้มและคางเป็นผิวธรรมดาหรือผิวแห้งนั้น บริเวณที่ผิวแห้งก็คือบริเวณนั้นต่อมไขมันสร้างไขมันได้น้อย และขนาดของต่อมก็เล็กด้วย จึงมักไม่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนใหญ่ในบริเวณนี้ ดังนั้น จึงควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ในบริเวณนี้  โดยควรอยู่ในรูปของครีมมากกว่าโลชั่น (ครีมจะมีส่วนประกอบของน้ำมันมากกว่า)  รวมทั้งครีมกันแดดด้วย

        ส่วน T–ZONE ที่ผิวมัน รูขุมขนใหญ่ ต่อมไขมันสร้างมากแล้วขับไขมันออกมาฉาบเคลือบผิวมากเกินพอดีจนเยิ้ม นับเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ธรรมชาติมากอยู่แล้ว จึงไม่ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ลงไปบริเวณนี้อีก กันแดดก็อาจจะอยู่ในรูปของน้ำใส เจลหรือโลชั่น สำหรับการล้างหน้าก็ควรใช้น้ำธรรมดา การใช้น้ำอุ่นอาจดีสำหรับผิวมัน เพราะช่วยชะล้างคราบไขมันออกได้มากกว่า แต่จะทำให้ผิวหน้าที่แห้งยิ่งแห้งมากขึ้นอีก

 

นวดหน้า

        มีวัตถุประสงค์ช่วยให้กล้ามเนื้อมัดเล็กๆ บนใบหน้าได้ออกกำลังกาย เพื่อป้องกันความหย่อนยาน ริ้วรอยเหี่ยวย่น หากนวดหน้าเป็นประจำ การนวดหน้าที่ถูกต้องจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย รู้สึกเบาสบาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เซลล์ผิวหนังได้รับสารอาหารและขับถ่ายของเสียได้ดีขึ้น ผลข้างเคียง ถ้าลงน้ำหนักนิ้วมาก ขาดความพลิ้วของนิ้ว จะรู้สึกไม่สบายผิวหน้า และกระตุ้นให้เกิดสิวตามมาได้หลังการนวดหน้า

 

ขัดหน้า

        มีวัตถุประสงค์ช่วยให้เซลล์หนังกำพร้าชั้นนอกสุด ซึ่งเป็นเซลล์ชั้นขี้ไคลหลุดลอกออกด้วยเทคนิคที่นุ่มนวล ช่วยให้ผิวหน้าขาวเนียนผุดผ่องขึ้น

  • ผลข้างเคียง ถ้าผิวหน้าบางหรือลงน้ำหนักนิ้วมือค่อนข้างแรง  ผลที่ตามมาอาจเกิดอาการระคายเคืองผิวหน้า แสบแดงได้เช่นกัน
  • ผลพลอยได้จากการขัดหน้า คือเป็นการเปิดและขยายรูขุมขน เมื่อรูขุมขนขยายเปิดกว้าง สิ่งสกปรก ไขมันก็ไหลผ่านได้ง่าย จึงเป็นหนทางรักษาสิวอุดตันได้อีกทางหนึ่ง แต่หากทำเป็นประจำบางคนก็อาจทำให้เห็นรูขุมขนกว้าง ดูหน้าหยาบ แลดูเหมือนกระตุ้นให้เกิดสิว หากไม่ชอบก็เลือกทำเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องการแก้ปัญหา
  • ข้อควรระวัง พึงระลึกเสมอว่า การขัดหน้าเน้นเทคนิคที่นุ่มนวล โดยอาศัยความพลิ้วของนิ้วและลงน้ำหนักเพียง 5% ท่าขัดหน้าเป็นเพียงการไล้สมุนไพรให้หลุดออกพร้อม เซลล์ชั้นขี้ไคล ซึ่งเป็นชั้นที่บางมาก จึงไม่ควรลงน้ำหนักนิ้วมาก ถ้าลงน้ำหนักมากอาจเกิดการระคายเคือง แสบ แดง หรือกระตุ้นให้เกิดสิวตามมาได้หลังทำ นอกจากนี้ ท่าขัดหน้าจะไล้นิ้วไปตามแนวกล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อหย่อนยาน ถ้าทำได้ถูกวิธีจะช่วยให้ผิวหน้ากระชับขึ้น ผลที่ได้จะช่วยชะลอริ้วรอยด้วย

และด้วยคุณสมบัติ ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรได้แก่ ไพล โสม ขมิ้น และดินสอพอง จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น แต่เพื่อความปลอดภัยอาจสอบถามผู้รับบริการด้วยว่าเคยมีอาการแพ้สมุนไพรที่มีส่วนผสมในผงขัดหรือไม่ โดยสอบถามให้ชัดเจนว่าแพ้ส่วนผสม หรือวิธีการขัด ซึ่งร้านเสริมสวยมักจะทำค่อนข้างรุนแรง หลังขัดหน้า ควรนวดหน้าโอโซนแล้วทามอยซ์เจอร์ เพื่อช่วยให้ผิวหน้านุ่มชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง แล้วทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว ถ้าใช้เทคนิคดังกล่าวมาแล้ว หลังการขัดหน้าแล้ว มีหน้าแดงมากและรู้สึกแสบ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไม่ดีขึ้น ควรงดการ ขัดหน้า

 

มาสค์หน้า

        มีวัตถุประสงค์ ช่วยให้ผิวหน้าตึงเรียบขึ้น และเมื่อดึงลอกออกจะทำให้สิ่งสกปรก สิวเสี้ยน และเซลล์ที่ตายแล้วบนใบหน้าถูกกำจัดออกไปด้วย  ช่วยให้ผิวหน้านุ่มชุ่มชื้นสดใสขึ้น และยังเติมสารบำรุงให้แก่ผิวตามแต่ชนิดของมาสค์นั้น ผลข้างเคียงมีน้อยมาก เพียงแต่เสียเวลารอมาสค์แห้งเท่านั้น ถ้าต้องการทำควบคู่กับบริการอื่นๆ ให้ทำหลังสุด ยกเว้นถ้าจับคู่กับ ทรีทเมนท์  ให้ทำมาสค์หน้าก่อน  เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนผิวหน้าหลังทำ ทรีทเมนท์

 

การทำทรีทเมนท์

        มีวัตถุประสงค์ช่วยให้เซลล์ผิวเก่าที่หยาบกร้านหลุดลอกออกไป ทำให้มีการผลิตเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน ทำให้ผิวพรรณดูสดใสเต่งตึง ริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ น้อยลง รอยด่างดำและริ้วรอยจากสิว, ฝ้า, กระจะจางลง ทำให้ผิวหน้าดูขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มีน้ำมีนวลและเนียนใส ผลข้างเคียง ถ้าผิวไวอาจเกิดอาการ แสบ แดง ลอก  ได้หลังทำ ดังนั้น จึงควรทดสอบโลชั่นที่ท้องแขนก่อนลงน้ำยาบนใบหน้า และเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะครบเวลาที่กำหนด ถ้าหากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนครบเวลา สามารถล้างออกก่อนได้ ทรีทเมนท์เมื่อจับคู่กับการบริการใดก็ตามควรทำเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนผิวหน้าหลังทำทรีทเมนท์ และไม่ควรทำวันเดียวกับการขัดหน้า หรือควรเลือกเพียงอย่างใดอย่างเดียว

 

ครีมบำรุง

        มีอะไรในครีมบำรุงผิวองค์ประกอบหลักคือน้ำ น้ำมัน และสารทำอีมัลชั่น ซึ่งช่วยให้น้ำและน้ำมันเข้ากันได้ น้ำมันจากพืชธรรมชาติ มักอุดมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิว ครีมบำรุงผิวที่ดีควรมีอาหารเสริมแก่ผิวหนังด้วย เช่น วิตามินอี ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) และเบต้ากลูแคน พบว่าสารเหล่านี้สามารถแทรกซึมลงสู่ชั้นลึกสุดของหนังกำพร้าได้ดี และการสร้างเซลล์ใหม่ของผิวก็อยู่ที่ชั้นล่างสุดของหนังกำพร้านั่นเอง 

 

ครีมบำรุงผิวหน้าและครีมบำรุงผิวกาย ใช้แทนกันได้หรือไม่

ผิวกายหนากว่าผิวหน้า รูขุมขนใหญ่กว่า ผิวหน้าบอบบางมาก รูขุมขนเล็ก องค์ประกอบหลายชนิดที่บำรุงผิวกายจะไม่สามารถใช้ในครีมบำรุงผิวหน้าได้ ทำให้ครีมบำรุงผิวหน้ามีราคาแพง แต่หากท่านไม่แพ้ง่าย ก็ทดลองใช้ครีมบำรุงผิวกายมาทาผิวหน้าได้ โดยทดสอบที่ติ่งหู และข้างแก้มก่อน

  • เดย์ครีม มักผสมสารกันแดด เพื่อปกป้องยูวี หรือมีส่วนประกอบที่ไม่เกิดปฏิกิริยาเมื่อโดนแสง กระนั้นก็ควรเพิ่มครีมกันแดดต่างหาก เพราะถ้าเน้นบำรุง หรือแก้ปัญหาก็ผสมสารกันแดดไม่ได้มากพอ
  • ไนท์ครีม จะไม่มีสารกันแดด อาจเป็นสารบำรุงต่างๆ หรืออาจระคายเมื่อถูกแดด จึงไม่ควรนำมาทากลางวัน