จำนวนเส้นผมบนศีรษะของคนเรามีประมาณหนึ่งแสนเส้น จำนวนในแต่ละคนนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ความดก–บาง เกิดจากขนาดของเส้นผมมากกว่า ผู้ที่มีผมเส้นเล็กทำให้ดูเหมือนผมน้อย ส่วนผู้ที่เส้นผมใหญ่ดูมีผมมาก
ผมมีลักษณะการเจริญเติบโตเป็นวงจรเหมือนใบไม้ที่ผลัดใบ เริ่มตั้งแต่แตกหน่อเล็กๆ แล้วเจริญงอกงามจนโตเต็มที่แล้วจะพักทำหน้าที่หลักทั้งหลาย จนเข้าสู่ระยะผลัดใบ แล้วร่วงไปจากนั้นจะมีใบอ่อนงอกขึ้นมาแทน ในยามปกติวงจรเส้นผมแต่ละเส้นไม่ตรงกัน จึงพบมีผมร่วงทุกวัน แล้วแต่ว่าผมเส้นไหนจะถึงกำหนด มิฉะนั้นผมคงร่วงพร้อมกันเหมือนต้นไม้โกร๋นใบ ผมยาวขึ้นประมาณเดือนละ 1 ซม.
สภาวะผิดปกติของร่างกาย อาจทำให้วงจรของเส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวเร็วกว่าปกติ เช่น เมื่อร่างกายอยู่ในสภาพทรุดโทรม มีไข้สูง ไข้ไทฟอยด์ ไข้เลือดออก ภาวะเสียเลือด การผ่าตัดใหญ่ ภายหลังการคลอดบุตร ขาดอาหาร การลดความอ้วน เครียด ทำให้การเจริญหยุดชะงักและเข้าสู่ระยะพักเร็วกว่าที่ควร แล้วร่วงก่อนกำหนด ทำให้เห็นผมร่วงจำนวนมาก มักเกิดประมาณ 2 – 3 เดือน หลังปัญหาดังกล่าว โดยเป็นอยู่ประมาณ 3 – 4 เดือน ค่อยงอกขึ้นมาจนครบจำนวนเดิม เมื่อมีอาการผมร่วงผิดปกติขึ้น ลองนึกถึงการเจ็บป่วยใน 3 – 4 เดือนที่ผ่านมาเป็นอันดับแรก
โรคที่ทำให้ผมร่วงได้มาก เช่น โลหิตจาง โรคของต่อมไทรอยด์และเอสแอลอี ยาบางอย่างก็ทำให้ผมร่วงได้ ยาคุมกำเนิด คีโม ยากันเลือดแข็งตัว ยารักษาโรคไทรอยด์ ซึ่งเมื่อหยุดยาที่เป็นต้นเหตุ ผมจะหยุดร่วง ระดับฮอร์โมนในร่างกายทำให้ผมบางหรือศีรษะล้าน เกิดขึ้นได้ทั้งเพศชายและหญิง แต่พบในเพศชายมากกว่า
การรักษาคือสาเหตุ เมื่อแก้ไขได้ ผมร่วงก็หายตาม ปัญหาใหญ่คือโรคผมน้อยโดยกรรมพันธุ์ ซึ่งยังไม่มีวิธีหรือยารักษาที่ชะงัด ถึงแม้ว่าวงการแพทย์จะได้ทุ่มเทวิจัยมาตลอด การใช้ยาไมนอกซิดิล (minoxidil) มาทำเป็นโลชั่นปลูกผม พบว่ามีผลแค่ 30% ยานี้เป็นยาลดความดัน แต่พบว่ามีผลต่อผมโดยบังเอิญ ซึ่งเป็นฤทธิ์ข้างเคียงของยา การนำยานี้มารับประทานเพื่อปลูกผม เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อหัวใจ และเมื่อหยุดยาผมก็จะกลับร่วงอย่างเดิม
สรุปสาเหตุที่ผมร่วง
- ร่วงตามอายุหรือกรรมพันธุ์ เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลที่จะมีรูปทรงของผมบนศีรษะในแบบของเขาเอง แบบนี้เป็นเรื่องของศีรษะเขา อย่าเอามาหนักศีรษะเรา
- ผมร่วงจากโรคติดต่อเชื้อ เช่น ซิฟิลิส (เลือดบวก) สังเกตดีๆ ผมจะร่วงเป็นหย่อมเหมือนถูกแมลงสาบแทะเป็นจุดๆ มักมีขนคิ้วร่วงด้วย มักเป็นหลังระยะออกดอก ผื่นขึ้นตามตัว การพิสูจน์ที่แน่นอนคือ เจาะเลือดตรวจ ถ้าบวกจริงก็รักษาโรคต้นเหตุ ส่วนผมร่วงจากเชื้อรา (กลาก) นั้นพบน้อย นอกจากในคนที่สกปรกจริงๆ ลักษณะอาจเห็นเป็นขอบมีสะเก็ด คันหนังศีรษะ เส้นผมมักร่วงแบบหักเหลือโคนติดหนังศีรษะ ถ้าใช่ใช้ยาทาหรือกินแก้เชื้อราโดยเฉพาะ
- จากภาวะจิตใจผิดปกติ เช่น ในวัยรุ่น เด็กสาวถ้าร่วงบริเวณท้ายทอยควรจะคิดถึงโรคไตรโคทิลโลมาเนีย สันนิษฐานว่าเกิดจากจิตใจเคร่งเครียด ว้าวุ่น จึงดึงผมเป็นประจำโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะความเครียดที่รุนแรง เช่น การหย่าร้าง และการคลอดบุตร เป็นต้น พวกนี้เมื่อผมขึ้นใหม่จะมีเส้นขนาดเท่าเดิม
- อีกภาวะหนึ่งที่พบค่อนข้างบ่อยคือ ร่วงแบบล้านเลี่ยนเป็นหย่อมๆ ที่เรียกว่า อโลพีเชีย เอเรียต้า มักหย่อมเล็กๆ เป็นมัน สาเหตุไม่แน่ชัด มักร่วมกับมีสาเหตุกระทบกระเทือนทางจิตใจ เช่น ตื่นเต้น ตกใจช๊อค หลังไข้สูง (เช่น ไทฟอยด์) หรือจากพิษของยารักษาโรคมะเร็ง
- ภาวะขาดสารอาหารหลัก เช่น โปรตีน กรดแพนโทเธนิคไลโนเลอิค ไบโอติน เอนซัยม์
ภาวะผมร่วงจากขาดสารอาหาร มักมีลักษณะผิดปกติของเส้นผมด้วย เช่น เส้นผมกรอบ แห้ง แตกปลายหยาบกระด้าง มักเกิดจากการขาดโปรตีนหรือวิตามิน โดยเฉพาะแพนโทเธนิคแอซิด แก้ไขโดยรับประทานอาหารให้ถูกส่วน แชมพูที่มีส่วนผสมของแพนทีนอล (เป็นโปรวิตามินสลายตัวให้กรดแพนโทเธนิค) สระผมก็พอแก้ปัญหาได้
ถ้าท่านตกอยู่ในภาวะเครียดทั้งด้านการงานและส่วนตัวก็จงหาเวลาพักผ่อนเสียบ้าง การออกกำลังกายประจำวันเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อคลายความเครียด และช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดี การนวด (ทั้งร่างกาย) ก็เป็นวิธีวิเศษสำหรับผ่อนคลายความเครียด หมอนวดที่เก่งจะสามารถนวดปมเครียดที่คอและไหล่ให้อ่อนตัวลงไป แล้วโลหิตก็จะไหลขึ้นสู่ศีรษะได้สะดวก
นอกจากนี้ก็ต้องรับประทานอาหารที่ดีและถูกต้อง (มีไขมัน น้ำตาลและเกลือแต่เพียงเล็กน้อย) และหลับมากๆ เมื่อผมร่วงก็อย่าตกใจ ต๊กกะใจทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น และอาการที่เป็นอยู่ก็เป็นหนักขึ้น อย่าลืมว่า ถ้าผมร่วงวันละ 20 – 50 เส้น (สำหรับคนไทย) ก็ถือว่าเป็นสิ่งปกติ
ผมร่วงหลังคลอดบุตร
จะด้วยเหตุใดไม่ปรากฏ สตรีมีครรภ์อาจเกิดการเปลี่ยนขบวนการงอก–โต–พัก คือ รากผมจะหยุดพักพร้อมกันหมดเมื่อหลังคลอดเมื่อไม่มีผมใหม่งอก ผมจึงดูร่วงไปเรื่อยๆ จนดูเหมือนว่าต้องล้านแน่ๆ แต่ก็ไม่ใช่เพราะผมจะร่วงไปประมาณ 100,000 เส้น ก็หยุดร่วง (เพราะไม่มีจะให้ร่วงอีกซิ) หากเห็นรากผมยังอยู่ ก็ขอให้ใจสู้ชูสองนิ้ว ทานอาหารให้ครบส่วน ออกกำลังกาย พักผ่อนอย่าให้เครียด…แล้วภาวะการณ์มักเข้าสู่ปกติ
ปัจจัยต่อสุขภาพของผม
- ธาตุเหล็ก การมีระดับธาตุเหล็กต่ำเป็นเหตุหลักของผมร่วงของสตรีในวัยสาว ดังนั้นจึงให้รับประทานตัวธาตุเหล็ก และกรดโฟลิค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผมมีสุขภาพดี
- สังกะสี อีกแร่ธาตุหนึ่งที่ช่วยได้ มีหลักฐานบ่งว่า การที่ผมร่วงก่อนเวลาที่ควรจะร่วง และบางทีก็ร่วงจนหัวล้าน อาจเกิดจากร่างกายขาดแร่ธาตุตัวนี้
- วิตามินบี ซี และอี ตลอดกรดอะมิโนจำเป็นทั้งหลาย
- การปฏิบัติที่ไม่ดีต่อผม การกระทำที่รุนแรงกับผมไม่ว่าการนวด การสระ การทำผมให้แห้ง การแปรงผม หรือการหวีผมจะไปทำลายผม ควรทำทุกอย่างๆ ละมุนละม่อม
- การไว้ผม รูปทรงหรือแบบของการไว้ผม เช่น การไว้หางม้า ถักหางเปียแน่นตึง การม้วนผมโดยเฉพาะการม้วนด้วยที่ม้วนที่เป็นขนแปรงอาจม้วน ดึงผมจากรากผม จนขัดขวางการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผมร่วงไม่หยุดก็ได้ พอเปลี่ยนทรงผมเป็นแบบสบายๆ ผมก็ขึ้นได้ปกติ
- การยีผมและย้อมผม อาจเป็นอันตรายต่อความเจริญของรากผม
- ยารักษาโรคบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาคุมกำเนิด (ให้ผลเหมือนกับการตั้งครรภ์) และผลของการใช้ยาคีโม ฉายแสง
- นพ.เอ แอล ไลบี้ แพทย์โรคผิวหนังที่แอคครอนโอไฮโอพบว่าผมร่วงที่เกิดจากยาคุมกำเนิดสามารถรักษาให้หายได้ด้วย วิตามินบี6 ทั้งนี้เพราะฮอร์โมนที่มีอยู่ในยาคุมกำเนิดมีความสัมพันธ์ต่อการขาดวิตามินนี้ ซึ่งเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพของเส้นผม (จาก Skin and Allergy News, August 1973)
- การใช้ยา methotrexate ซึ่งเป็นยารักษาโรคมะเร็ง จะไปทำลายโฟเลท (เกลือของกรดโฟลิค) ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่สำคัญต่อโลหิต จึงแนะนำให้รับประทานวิตามินนี้เสริมเพื่อความงอกงามของผม
- นพ.ปีเตอร์ โบสเบิร์กแพทย์จากแซตามอนนิคา คาลิฟอร์เนียได้พบว่าการใช้ “ถุงน้ำแข็ง หรือถุงน้ำธรรมดาๆ วางบนศีรษะคนไข้ 15 – 30 นาที ก่อนฉีดยาอเดรียไมซิน (Adriamycin) หรือยารักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ จะป้องกันไม่ให้หนังศีรษะดูดซึมฤทธิ์ของยาที่รุนแรงในตอนแรกเข้าไปอย่างรวดเร็ว”
- “ถ้าไม่ป้องกันด้วยถุงน้ำแข็ง 90% ของคนไข้ที่ได้รับยาอเดรียไมซินผมจะร่วงหมดศีรษะ แต่ถ้าใช้ถุงน้ำแข็งคนไข้ 50% จะสามารถรักษาผมไว้ได้ทั้งหมด และ 25% จะร่วงบ้าง แต่การใช้ถุงน้ำแข็งวางบนศีรษะอาจทำให้ปวดเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการไม่สบายอย่างเดียวที่เกิดขึ้นจากการใช้ถุงน้ำแข็ง”
ความรู้สู้ผมร่วง
- เริ่มจากการซ่อมเซลล์รากผมที่ผิวหนัง คงต้องอาศัยชีวโมเลกุล เซลล์ผิวเนื้อ เป็นหลัก ร่วมกับต่อมใต้สมองและองค์รวม ควรใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน
- อาหารสำหรับการสร้างเซลล์เส้นผม และดำรงไว้ ได้แก่ น้ำมันปลา โปรตีนจำเป็น วิตามินบีทั้งหลาย สังกะสี วิตามินซี
- การใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมเส้นผม น่าจะได้วิตามินอี ทั้งกรดลอริค ในน้ำมันมะพร้าวยังฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ ไวรัสบางชนิดที่ก่อรังแคได้
- หากอาการผมร่วง เป็นแบบมีรากผมเหลืออยู่ การนวดกระตุ้นรากผม ด้วยสารสกัดโสม ผสมวิตามินสารอาหาร โดยเน้นเทคนิคการนวดกระตุ้นรากผม ต้องเป็นการคลึงบริเวณรากผม มิใช่ขยี้ผม หรือขยี้โคนราก
- การคลึงเบาๆ (โดยไม่ขยับปลายนิ้ว)ประมาณ 5 นาที เป็นการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ให้สารอาหารหล่อเลี้ยงเส้นผมมากขึ้น…อันนี้หาแหล่งบริการพร้อมผลิตภัณฑ์แบบมืออาชีพได้
- เมื่อมีรากผมเหลืออยู่ นอกจากนวดคลึงด้วยโลชั่นบำรุงรากผมแล้ว อีกปัจจัยสำคัญคือ ชีวโมเลกุลเซลล์ผิวเนื้อ ซึ่งก็มีรากผมติดเป็นส่วนประกอบสำคัญด้วย
- คงต้องลงทุนกินติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ร่วมกับเซลล์ต่อมใต้สมอง ในขนาดวันละอย่างละ 1x3 ร่วมกับองค์รวม 1x1
- กรณีหัวล้านกรรมพันธุ์ หรือผมร่วงรุนแรง ถึงขั้นรากผมถูกทำลายแล้ว คงหมดหวังในการใช้สารอาหาร หรือการนวดรากผม จึงต้องใช้วิธีปกปิด เสริม หรือปลูกย้ายเส้นผม
- ใส่วิกผมปลอม
- ทอเส้นผม โดยใช้เส้นผมผู้อื่นที่ขนาดเข้ากันได้ มาถักทอเข้ากับเส้นผมเดิมที่พอมีเหลืออยู่ เป็นเทคนิคฝีมือที่ละเอียดอ่อน ราคาค่อนข้างสูง อีกทั้งต้องมีเวลาไปรับบริการตัดผมเดิมที่งอกยาวขึ้น ตลอดจนการสระผมพิเศษ ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายต่อเนื่องแบบถาวรประมาณทุกสัปดาห์
- ปลูกย้ายเส้นผมโดยแพทย์ เป็นวิธีขุดเจาะรากผมส่วนที่ยังเหลืออยู่ เช่น บริเวณท้ายทอย ขมับ ไปปลูกดำลงบริเวณที่ล้านโล่ง เสมือนดำนา ค่าใช้จ่ายมักคิดเป็นเส้นๆ ละ 50 – 100 บาท ทำแต่ละครั้งต้องปลูกย้ายถ้าจำนวน 1,000 เส้น ก็ตก 50,000 – 100,000 (เป็นอย่างต่ำ) เป็นวิธีที่ได้ผลระยะยาวเป็นส่วนใหญ่ โดยแพทย์อาจให้กินยานอนหลับ แล้วฉีดยาชาทั่วหนังศีรษะบริเวณปฏิบัติการ ตื่นขึ้นมาสามารถกลับบ้านได้ เส้นผมใหม่จะงอกขึ้นและคงอยู่ 3 เดือน แล้วหลุดร่วงไป จากนั้นรากที่ย้ายมาปลูกฝังไว้จะงอกเส้นใหม่ เป็นผมถาวรของผู้นั้น ไม่มีการก่อภูมิแพ้ ไม่ต้องใช้ยากดภูมิคุ้มกันใดๆ
- ไม่แนะนำให้ทายาประเภท “ไมนอกซิดิล”
- ตัดทรงผมใหม่ แบบโกนให้โล้นเลี่ยนเป็นไง เท่ไปอีกแบบ !
- หากถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ได้ผล หรือได้มาแล้วยังร่วงอีก ก็คงต้องเข้าโครงการพระราชดำริ “ช่างหัวมัน”