ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในรถเข็น

น้ำดื่ม

ให้เรตสมาชิก: 0 / 5

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

น้ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของชีวิต เป็นส่วนประกอบ 70% หรือ 3 ใน 4 ส่วนของร่างกาย (คล้ายส่วนประกอบของน้ำบนผืนโลก !!)

น้ำ สำหรับดื่มมีมากมาย หลายประเภท

1. น้ำประปา ที่ว่าดื่มได้ คือ จุดที่ออกจากการประปาใหม่ๆ (น่าจะก๊อกแรกสุด) เพราะหลังจากนั้นมักมีปัญหาท่อแตก ตะกอนตกค้างในท่อ ปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม คือ ห้ามบ้านเรือนใช้ปั๊มดูดจากท่อประปาโดยตรงไม่ได้ ดังนั้น หากมีท่อแตกท่อรั่วในภาวะที่ขาดน้ำ แย่งกันใช้ แทนที่น้ำในท่อจะไหลออก ณ จุดแตกรั่ว กลับถูกแรงดูดจากแต่ละบ้าน ดูดสิ่งสกปรกภายนอกท่อเข้าไปด้วย จากนั้นถึงจะซ่อมท่อแล้วเสร็จ ตะกอนสกปรกทั้งหลายยังคงค้างในท่อ คอยสลายกระจายจ่ายแจกไปในหยดน้ำ สุดวิสัยในการแก้ไข แม้จะใช้เทคโนโลยีสูงปานใด

(ลองสังเกตว่าบ้านใดมีตะกอน ผงสกปรกออกมา โทรแจ้งการประปาอย่างไรก็ไร้ผล !)

ยังมีปัญหาเรื่องคลอรีนฆ่าเชื้อ ที่จำเป็นต้องมีอยู่ในน้ำประปา ซึ่งหากบริโภคปกติ ตับก็คงพอมีประสิทธิภาพกำจัดได้ โดยไม่ต้องกลายเป็นมะเร็ง

2. น้ำอาร์โอ (Reversed osmosis) คือ น้ำที่ผ่านการกรองด้วยระบบ ที่ดูดซับเชื้อโรคและเกลือแร่ทุกชนิดออกจากน้ำ จนกลายเป็นน้ำบริสุทธิ์เทียบเท่าน้ำกลั่น ปัญหาคือ น้ำที่ไร้สภาพด่างนั้น ก็เสมือนกรดกลายๆ จะละลายและกัดโลหะทุกชนิดที่สัมผัสผ่าน ลองสังเกตท่อจ่ายน้ำของเครื่องขายน้ำอาร์โอว่าต้องเป็นพลาสติกเพราะท่อโลหะถูกกัดเซาะชำรุดไปโดยเร็ว

เมื่อเข้าร่างกาย น้ำอาร์โอย่อมแย่งดูดซับแร่ธาตุในลำไส้ หรือกระแสเลือดออกมา เนื่องจากมีศักยภาพในการละลายสูง ผลคือ ร่างกายขาดแคลนแร่ธาตุจำเป็นที่อาจมีอยู่แล้ว เป็นเหตุแห่งการเจ็บป่วยต่างๆ

หากเผลอแช่ภาชนะอลูมิเนียม หรือเทน้ำอาร์โอ ใส่ภาชนะอลูมิเนียมปรุงอาหาร ก็ละลายอลูมิเนียมออกมาด้วย ช้อนหรือส้อมโลหะก็ถูกกร่อนเช่นกัน

หากนำไปแช่น้ำล้างผัก ก็ย่อมชะล้าง ดูดซับแร่ธาตุที่มีประโยชน์ออกไป

แม้กระทั่งการนำไปเลี้ยงปลา ปลาก็เฉาตาย เพราะบริสุทธิ์มากจนดูดสารในตัวปลาออกมาสะเทิน การใช้น้ำอาร์โอ เพราะต้องการความสะอาด ปราศจากจุลินทรีย์ จึงต้องเติมหินแช่น้ำไว้ด้วย

น้ำอาร์โอบริสุทธิ์ จึงเหมาะแก่การใช้เติมหม้อแบตเตอรี่รถยนต์ หรือใช้ในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ และทางการแพทย์ อาจใช้ดื่มเพื่อล้างพิษเป็นครั้งคราวได้

ยังมีน้ำอาร์โอปลอม กล่าวคือ ไม่ใช่อาร์โอแต่ติดป้ายอาร์โอ ซึ่งหากการผลิตสกปรก เชื้อจุลินทรีย์ก็ผสมอยู่มากได้

ร้ายกว่านั้นคือ น้ำอาร์โอแฝง คือ ผลิตจากเครื่องทำน้ำอาร์โอ แต่ไม่ยอมบอกว่าเป็นอาร์โอ

แล้วหากจำเป็นต้องดื่มน้ำอาร์โอ (เพราะสะอาด) ควรปฏิบัติอย่างไร ?

ก็น่าจะเลียนแบบวิธีเลี้ยงปลา คือ เติมแร่ธาตุต่างๆที่ต้องการ ลงไปละลายในน้ำอาร์โอ ให้มีฤทธิ์เป็นด่าง แต่ไม่เกินปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ส่วนที่เหลือจากการสะเทินฤทธิ์ ของน้ำอาร์โอบริสุทธิ์ ก็เป็นส่วนที่ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้ ทำนองเดียวกับน้ำแร่ ซึ่งก็การทำน้ำแร่เทียม นั่นเอง

ข้อดีของน้ำแร่เทียมที่ทำเอง คือ สะอาด ปราศจากจุลินทรีย์ ก่อโรค และไม่มีโลหะหนัก ตัดปัญหาฟลูออไรด์หรือสารเกินต้องการ จากความแปรปรวนของแหล่งธรรมชาติ

น้ำแร่เทียมยังสร้างได้จากน้ำกรองหรือน้ำดื่มสะอาด เติมแร่ธาตุจำเป็นลงไป ในอัตราที่ร่างกายต้องการ

3. น้ำดื่มบรรจุขวด ขวดบรรจุน้ำดื่มชนิดพลาสติก นุ่ม ขาวขุ่น ไม่เหมาะแก่การใช้บรรจุน้ำบริโภค เพราะเมื่อถูกความร้อน พลาสติกสามารถละลายปนเปื้อนออกมาสู่น้ำได้ รวมทั้งสารพิษที่เรียก Xenoestrogen บ่อเกิดแห่งมะเร็งเต้านม และพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ น้ำดื่มบรรจุขวดใสทั้งหลาย มักกรองเชื้อโรคให้สะอาด เพื่อให้บริโภคได้ แต่ก็กรองแร่ธาตุสำคัญออกไปด้วย

4. น้ำผ่านเครื่องกรอง (ที่ติดตั้งเอง) ต้องพิจารณาว่าใช้หม้อกรองชนิดใด สิ่งที่ต้องการให้กรอง คือ จุลินทรีย์ คลอรีน โลหะหนักปนเปื้อน แต่ไม่กรองแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น แมกนีเซียม แคลเซียม ซึ่งในทางปฏิบัติแทบเป็นไปไม่ได้

เครื่องกรองน้ำประปาที่ใช้ จึงควรเป็นเครื่องกรองที่ไม่ใช้เรซิน ที่มีการล้างด้วยน้ำเกลือ ไม่ใช้ระบบรีเวอร์ส ออสโมซิส และไม่มีรอยบัดกรีด้วยตะกั่ว ตลอดเส้นทางที่น้ำผ่าน

เครื่องกรองน้ำในอุดมคติ คือ มีระบบกำจัดเชื้อจุลินทรีย์มีประสิทธิภาพสูง (เช่น โอโซน?) และกรองโดยไม่กำจัดเกลือแร่ ที่มีประโยชน์ เช่น แมกนีเซียม ไม่ใช่ดูที่ยี่ห้อ หรือราคาที่สูงเกินค่า

5. น้ำพลังแม่เหล็ก เป็นน้ำที่มีขั้วประจุ ตกผลึกได้รูป ดูเหมือนว่ามีศักยภาพของน้ำแฝงอยู่ แต่ก็ปราศจากแร่ธาตุสำคัญ หรือความเป็นด่าง เพราะก่อนผ่านระบบแม่เหล็ก ก็ผ่านไส้กรองต่างๆ

ดูเหมือนมีคุณภาพ ดีกว่าน้ำที่ผ่านเครื่องกรองธรรมดาแต่ราคามักแพงเกินคุณค่า เครื่องผลิตน้ำแม่เหล็กก็มักเป็นธุรกิจทำกำไรเกินเหตุ

หากมีน้ำแม่เหล็กราคาถูก ก็ยังต้องทดสอบว่า ได้น้ำกรองที่สะอาด มีขั้วประจุจริงหรือ !

ถึงอย่างไรก็ขาดแร่ธาตุจำเป็นอยู่ดี

6. น้ำแร่ เป็นน้ำจากแหล่งธรรมชาติ น้ำแร่ธรรมชาติที่ดื่มได้ต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์แล้วว่าปราศจากโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว แคดเมียม ปรอท และมีปริมาณฟลูออไรด์ไม่เกินขีดอันตราย

ข้อดีของน้ำแร่ คือ มีแร่ธาตุรวมในปริมาณพอเหมาะ ทำให้น้ำมีสภาพด่าง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อสภาวะกรดด่างของร่างกาย ไปช่วยสะเทินสภาพกรดจากอาหาร เครื่องดื่มที่บริโภคเข้าไป ทำให้ร่างกายไม่ขาดแร่ธาตุจำเป็น

ข้อพึงระวังของน้ำแร่ คือ แหล่งผลิตที่ตรงจริง เพราะน้ำแร่ปลอม ก็พบอยู่บ่อยๆ ในการสุ่มตรวจของทางราชการ ซึ่งอีกปัญหาตามมา คือ ความสะอาด

ราคาของน้ำแร่ก็เป็นอีกปัจจัยว่า สมคุณค่าที่พอจะมีอยู่หรือไม่

หากคิดดื่มน้ำแร่ธรรมชาติ จากบ่อและแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้เป็นการประจำ ก็ควรหมั่นส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารที่ไม่ต้องการ เช่น ฟลูออไรด์ โลหะหนัก เพราะยังมีความปรวนแปรของธรรมชาติต้นกำเนิด ในทุกแห่งหนและทุกเวลา

 

สรุป น้ำที่ใช้ดื่มได้ :-

  1. น้ำประปาที่ผ่านเครื่องกรองคลอรีน, จุลินทรีย์ และโลหะหนัก อีกครั้งหนึ่งแล้ว
  2. น้ำที่ผ่านเครื่องกรอง ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ หรือน้ำอาร์โอ ที่นำมาเติมผงเกลือแร่จนมีฤทธิ์เป็นด่าง โดยจำกัดปริมาณเกลือแร่ที่เติม มิให้มากเกินมาตรฐานความต้องการของร่างกายต่อวัน
  3. น้ำแร่ธรรมชาติแท้ โดยหมั่นส่งตรวจวิเคราะห์ความแปรปรวนของส่วนผสมทุก 6 เดือน

 

น้ำดื่มในอุดมคติ ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ :-

1. ปราศจากเชื้อโรคและสารพิษ เช่น โลหะหนัก ดีดีที สารเคมีอันตราย รวมถึงคลอรีน อันส่งผล Oxidative stress ต่อร่างกาย

2. มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการ เช่น Ca, Mg, K…ฯ

3. มีโครงสร้างกลุ่มเล็ก พบว่าน้ำอุปโภคทั่วไป มีโครงสร้างเป็น 40 โมเลกุลเกาะกลุ่มกัน น้ำประปามีประมาณกลุ่มละ 12 – 14 โมเลกุล ซึ่งขนาดกลุ่มเล็กลง เช่น 5 – 6 โมเลกุล / กลุ่ม จะเคลื่อนที่ได้คล่องตัว ถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ง่าย การนำอาหารและ ออกซิเจนเข้าออกเซลล์สะดวก การไหลเวียนในกระแสเลือดลื่นไหลดีขึ้น เป็นกลไกช่วยลดความดันเลือดอีกหนทางหนึ่ง

4. มีแรงตึงผิวต่ำ จากกลุ่มโครงสร้างที่เล็กและสภาวะด่าง จะช่วยให้โมเลกุลน้ำมีแรงตึงผิวต่ำ ออกซิเจนและอาหารละลายได้ดี มีความสามารถในการทำละลาย การกินยาพร้อมน้ำที่มีแรงตึงผิวต่ำ จะทำให้ตัวยาไหลไปในกระแสเลือด และดูดซึมสู่เซลล์ได้เต็มประสิทธิภาพ น้ำที่มีแรงตึงผิวต่ำ ยังทำให้การซึมซาบของสารอาหารเข้าสู่เซลล์ง่ายขึ้น เป็นกลไกลดภาวะดื้ออินซูลิน ลดความรุนแรงของเบาหวาน ช่วยให้สมองได้รับเลือด และออกซิเจนดีขึ้น

5. มีสภาวะด่าง pH ที่เป็นด่าง จะไปสะเทินกรดจากอาหารไขมัน โปรตีน น้ำตาล ฯลฯ ซึ่งหากไม่มีสภาวะด่าง ร่างกายก็ต้องสะเทินกรดโดยดึง แคลเซียม แมกนีเซียม จากกระดูกและฟันมาใช้

สภาวะด่างของน้ำ สามารถเกิดจากไฮดรอกไซด์ไอออน ซึ่งมาจากการแตกตัวของโมเลกุลน้ำ (H2O) เป็น H+ กับ OH- โดยอิทธิพลจากพลังงานที่ใส่เข้าไป บางส่วนของ ไฮดรอกไซด์ไอออน รวมตัวกันเป็นน้ำกับ active oxygen จำนวนมาก จึงกล่าวได้ว่า น้ำด่างจะมีออกซิเจนเกิดขึ้นเสมอ

ออกซิเจน นั้นนอกจากให้พลังงานแก่เซลล์แล้ว active oxygen ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปล่อยอิเล็กตรอน (e) ออกมาฆ่าเชื้อโรค ลด Oxidative stress ของอนุมูลอิสระ

มีผลงานวิจัยที่ได้รางวัลโนเบลของดร.Otto Warburg ซึ่งพบว่าเซลล์มะเร็งชอบอยู่ในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน ดังนั้น น้ำที่เป็นด่างอุดมด้วยออกซิเจน จึงเป็นปัจจัยต้านมะเร็งที่ดี

6. มีโออาร์พีลบ (ORP–) ORP ย่อจาก Oxidation Reduction Power หรือ Oxidation Reduction Potential บ่งบอกศักยภาพของสารนั้น ว่ามีประจุบวกหรือลบมากกว่ากัน และมากน้อยเพียงไร

Oxidation แต่เดิมหมายถึงปฏิกิริยาเคมี ที่มีการเติม O หรือเกิด Oxidative stress จากสารที่มีอิเล็กตรอน (e)ขาดคู่ ปัจจุบันหมายถึง ปฏิกิริยาที่เกิดการลดหรือสูญเสีย e โดยสารที่มาดึง e ไปเราเรียกว่า Oxidising agent หรือ Oxidant หรืออนุมูลอิสระ

ตัวเลขที่แสดงพลังการขาด e ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือพลังโปรตอน ที่มีสูงกว่า e ของสารนั้น เรียก Oxidation power แสดงตัวเลขเป็นบวก

Reduction เป็นปฏิกิริยาที่เกิดพร้อม Oxidation ของสารคู่ปฏิกิริยา (Oxidising agent) เดิมหมายถึงปฏิกิริยาที่มีการลดออกซิเจน ปัจจุบันอธิบายด้วย “การให้ e” โดยสารที่เป็นฝ่ายให้ e นั้นเราเรียก Reducing agent หรือ Reductant หรือสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxidant นั่นเอง

ตัวเลขแสดงพลังการให้ e ซึ่งก็เป็นการแสดงปริมาณ e ส่วนเกิน ที่มีสูงกว่าโปรตอนของสารนั้น เรียกว่า Reduction power แสดงตัวเลขเป็นลบ

ORP จึงเป็นผลลัพธ์รวม ระหว่าง Oxidation power กับ Reduction power ของสารนั้นว่า…ใครมีมากกว่ากันระหว่างพลังโปรตอน (p) หรือพลังแห่งการขาดอิเล็กตรอน กับพลังอิเล็กตรอนส่วนเกิน

ซึ่งหากเป็นบวก แสดงว่ารวมกันแล้วเหลือพลังโปรตอนหรือมีการขาดอิเล็กตรอนมากกว่า

หากเป็นลบ แสดงว่าผลลัพธ์สุทธิ เป็นการที่มีอิเล็กตรอน เกินอยู่

ประโยชน์ของน้ำ ORP บวก คือ เป็นอนุมูลอิสระเหมาะแก่การฆ่าเชื้อโรค เช่น สระว่ายน้ำ, สปา หรือใช้ทำความสะอาดแผลกดทับ

ใน พ.ศ.2525 german standard agency ของเยอรมัน กำหนดให้สระว่ายน้ำสาธารณะ ต้องแสดงคุณสมบัติให้น้ำในสระมีค่า ORP + 750 mv

พ.ศ.2531 สถาบันสระว่ายน้ำแห่งชาติของสหรัฐกำหนดให้ธุรกิจสปา ใช้น้ำที่มีค่า ORP + 650 mv

WHO กำหนดให้ ORP + 650 mv ขึ้นไป เป็นมาตรฐานที่ใช้ควบคุมการทำลายเชื้อโรคในน้ำ เมื่อปี พ.ศ.2515

คำว่า “ORP” แปลว่า มีความต่างศักย์

ศักย์อะไร…ก็ศักยภาพของประจุไฟฟ้า ว่าเป็น Potential ของ Oxidation คือ บวกมากเกิน

หรือ Reduction Potential คือ ลบมากกว่า ออกมาเป็นบวกหรือลบก็เป็น Potential หรือความต่างศักย์ของพลังประจุนั้น

ความต่างศักย์ที่วัดได้ เป็นตัวแทนพลังงานของ e ในการให้ หรือดึงจากสารอื่น (กรณีลบหรือบวก) เป็น Potential energy ซึ่งบ่งถึงความสามารถ (ability) ไม่ใช่การปฏิบัติ หรือ Action กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การมีพลังงานเก็บที่พร้อมจะทำงานได้ทันที โดยยังไม่ได้ทำ เปรียบเสมือนลูกโป่งอัดลม มี Pressure หรือ ability พร้อมแสดง เป็น Kinetic energy เมื่อปลดปล่อยสิ่งปิดกั้นออก

น้ำ ORP ลบ เป็น ideal antioxidant เนื่องจาก e ส่วนเกินนั้น เป็น e ที่หลุดกระเด็นออกมาพร้อม Hydrogen atom ซึ่งปกติ H–atom มี 1p + 1e ครั้นมี e เกิน คือ 1p + 2e เมื่อให้ e แก่สิ่งอื่นไป ตัวมันเองก็อยู่ในสภาวะเสถียร ไม่เกิดการดึง e จาก cell รอบข้าง ให้ล้มแบบโดมิโนเหมือนสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป

กลไกการเกิดน้ำ ORP ลบ เกิดขึ้นจากโมเลกุลของน้ำแตกตัว จากพลังงานภายนอก ซึ่งอาจเป็นกระแสไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก คลื่นความถี่ ทำให้น้ำแตกตัวเป็น H+ กับ OH-

H+ ion นั้นเป็นภาวะชั่ววูบ จะรีบเข้าจับตัวกับน้ำเป็นไฮโดรเนียมไอออน มีประจุเป็นบวก

OH- ion นั้น อาจรวมกันเองเป็นน้ำกับออกซิเจนหรือรวมกับไอออนของแคลเซียม, โปแตสเซียม เป็นไบคาร์บอเนต ซึ่งล้วนเป็นสภาวะด่าง ในขณะที่ตัว ไฮดรอกไซด์ไอออนนั้นก็แสดงประจุลบ

ความเป็นกรด – ด่างของน้ำ ขึ้นกับปริมาณหรือพลังของไฮโดรเนียมไอออน กับไฮดรอกไซด์ไอออน

ซึ่งหากไฮโดรเนียมไอออนชนะ หรือแรงกว่า ผลลัพธ์รวมก็ออกมาเป็นกรด มี pH กรด หรือ ORP บวก

หากไฮดรอกไซด์ไอออนชนะ ผลรวมย่อมออกมาเป็นด่าง หรือ ORP ลบ

หากเท่าๆ กัน ก็ออกฤทธิ์เป็นกลาง ORP เท่ากับศูนย์

วิธีทำน้ำ ORP ลบ (Negative ORP) มีหลายวิธี เช่น

1.Electrolysis – ใช้กระแสไฟฟ้าแยกน้ำ ให้แตกตัวเป็น ion ได้น้ำโครงสร้างเล็ก แยกออกได้ 2 ท่อ เป็น ORP บวกกับ ORP ลบ และถ้ามีเกลือแร่ อยู่ในน้ำ จะทำให้มีฤทธิ์เป็นด่าง

2. Negative technology ใช้พลังงาน 8,000 เกาส์ ทำให้อณูน้ำสั่นด้วยความเร็วสูง ยิ่งหากใช้ 12,000 gauss จะมีอิทธิพลต่อน้ำไหลได้

3. Vortex ระเบิดเข้าข้างใน หรือเหวี่ยงเข้าหาตัว ตรงข้ามกับ explosion หรือการกระจายออก เลียนแบบทอร์นาโด

4. Bacterial Activity Technology ใช้ Bacteria กับ yeast เกิด จากเอนไซม์ของจุลินทรีย์ ได้เป็น ORP ลบ จุลินทรีย์ที่รู้จักดีเรียก Effective Microorganism หรือ EM มักใช้ในงานเกษตร, บ่อบำบัดน้ำเสีย

5. Heat tech พ่นไอน้ำกระทบแผ่นโลหะร้อน ใช้ผลิตเป็นอุตสาหกรรม มักกรองด้วย RO มี ORP ลบ แต่ pH เป็นกลาง เพราะไม่มีเกลือแร่ร่วมปฏิกิริยา

6. Nanotechnology (Silica Hydride / SiH4) อิงจากความลับของน้ำหรรษา (Hanza water) ซึ่งไหลจากภูเขาธรรมชาติในปากีสถาน เชื่อว่าดื่มแล้วอายุยืนเป็น 100 ปี มีรายงานสรุปในงานวิจัย เรื่อง “Secret of the soil” ว่า เพราะในน้ำหรรษามีสาร Silica Hydride / (SiH4 ) ละลายอยู่ (Si เป็นตัวปลดปล่อย Far Infrared Ray ทำให้น้ำแตกตัว) ซี่งเมื่อรวมกับแร่ธาตุธรรมชาติที่มีอยู่ได้เป็นน้ำแร่ที่มี ORP เป็นลบ เป็นงานวิจัยที่ฮือฮามากชิ้นหนึ่ง

Silica พบมากในข้าวโอ๊ต มันเทศ ถ้าร่างกายขาด Si อาจมีผมร่วง เล็บแตกง่าย กระดูกพรุน ข้อต่อกระดูกเสื่อม ฯลฯ

7. วิธีประยุกต์ผสมผสานให้เกิดน้ำ ORPลบ มีความ เป็นด่าง เกิด Microcluster แรงตึงผิวต่ำ คือ การใช้สารก่อกำเนิด Far Infrared Ray ให้น้ำแตกตัว แล้วทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุที่ร่วมอยู่ด้วย

 

 หมายเหตุ : Far Infrared Ray เป็นช่วงคลื่นที่ยาวกว่า คลื่นแสงสีแดง (ซึ่งตายังมองเห็น) แต่ยังสั้นกว่า micro wave แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1. คลื่นระยะใกล้ ความถี่ 0.76 – 1.5 ไมครอน

2. กลาง ความถี่ 1.5 – 4 ไมครอน

3. ไกล ความถี่ 4 – 1000 ไมครอน

ซึ่งพบว่าขนาด 6 – 14 ไมครอน เป็นช่วงคลื่นความถี่ที่ดีที่สุดต่อคน (สุขสบายที่สุด ทำนองเดียวกับที่เรารู้สึกว่า อุณหภูมิ 25°C เป็นระดับที่พอเหมาะ, เสียงระดับความดังเท่าไร, แสงสว่างขนาดไหนร่างกายพอใจที่สุด)…น้ำก็คงพอใจช่วงคลื่น 6 – 14 ไมครอนนี้ จึงแตกตัวได้ดีเมื่อได้รับ FIR

สำหรับ microwave นั้นเป็นคลื่นความยาวมากกว่า 1,000 ไมครอนขึ้นไป

FIR เป็นพลังที่ทำให้โมเลกุลน้ำแตกตัว เป็น H ion กับ Hydroxide ion หรือ Hydroxyl ion ซึ่งเมื่อรวมตัวกันใหม่แล้วมี ORP สุทธิเป็นลบ

นอกจากนี้ยังทำให้โมเลกุลน้ำแตกตัว จับกลุ่มเล็กลงเหลือเพียง 5 – 6 โมเลกุลต่อกลุ่ม

เมื่อรวมกับไอออนของแคลเซียม แมกนีเซียม โปแตสเซียม ได้น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง และแรงตึงผิวต่ำ

จะรู้ได้ไงว่าน้ำที่ได้มี ORP ลบ…ก็คือวัดด้วยเครื่องวัดความต่างศักย์ไฟฟ้า ที่เรียกว่า ORP meter ซึ่งหน่วยที่ได้เรียกเป็น millivolt

 

ประโยชน์ของน้ำ ORP ลบ

น้ำ ORP ลบที่สะอาด มีแร่ธาตุ กลุ่มโมเลกุลเล็ก แรงตึงผิวต่ำ มีสภาวะด่าง จัดเป็นน้ำดื่มในอุดมคติ ที่เหมาะแก่การบริโภค มีประจุอิเล็กตรอน ที่พร้อมให้โดยไม่เอาคืน

1. จึงใช้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฆ่าเชื้อโรค

2. ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง จากภาวะที่เป็นด่าง มีกลุ่มโมเลกุลเล็ก แรงตึงผิวต่ำ และมีออกซิเจน

3. ลดความอ้วน จากการที่มีแร่ธาตุที่ใช้ในกระบวนการ Cellular burn เซลล์ดูดซึมง่าย ลดภาวะดื้ออินซูลิน

4. ต้านเบาหวาน ความดันเลือดสูง จากผลลดความหนืดของเลือด

5. ต้านสมองเสื่อม จากออกซิเจนที่เพิ่มในน้ำ และเนื้อเยื่อ

6. ต้านกระดูกพรุน ฟันผุ เนื่องจากมีแร่ธาตุ ช่วยสะเทินภาวะกรดจากอาหารประจำวัน

7. กรณีที่กินยา น้ำที่ดีจะช่วยนำและดูดซึมยาได้ดี ทำให้ยาออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพ

8. ในแง่ของความสวยความงาม น้ำที่ดูดซึมง่าย เนื่องจากมีกลุ่มโมเลกุลเล็ก แรงตึงผิวต่ำพร้อมออกซิเจน ช่วยบำรุงเซลล์ เติมความชุ่มชื้นแก่ผิว จึงเหมาะแก่การใช้ล้างหน้าก่อนลงรองพื้น หรือประกอบงานบริการ Skin care