ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในรถเข็น

ปัญหาสุขภาพชาย

หย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ให้เรตสมาชิก: 0 / 5

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

เมื่อนกเขาไม่ขัน ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction–ED) เป็นภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือไม่สามารถคงการแข็งตัวจนมีเพศสัมพันธ์เสร็จสมบูรณ์ คนทั่วไปมักเรียกกันว่า ภาวะนกเขาไม่ขัน

ED พบได้บ่อยแค่ไหน ในคนไทยมีตัวเลขที่ประมาณการไว้คือ พบประมาณ 37.5% ของชายไทยวัย 40 – 70 ปี หรือถ้าแยกตามอายุ พบได้ดังนี้

  • อายุ 40 – 49 ปี พบ 20.4%
  • อายุ 50 – 59 ปี พบ 46.3%
  • อายุ 60 – 70 ปี พบ 73.4%

รวมแล้วในคนไทยพบได้ถึง 3 ล้านคน และกำลังเพิ่มขึ้นจากภาวะมลพิษในอาหาร ที่เราคาดไม่ถึง กว่าน้องชายจะใช้การได้ อวัยวะเพศชายจะแข็งตัวได้ ต้องเกิดจากการทำงานของระบบต่างๆ ได้แก่

  1. ระบบประสาท : สมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท
  2. หลอดเลือดแดงต้องไม่ตีบ
  3. ฮอร์โมนเพศชายไม่บกพร่อง
  4.  สภาพร่างกายทั่วไปแข็งแรง
  5. จิตใจ

โดยทุกระบบจะทำงานประสานร่วมกัน เริ่มจากการมีสิ่งเร้ามากระตุ้นให้เกิดความรู้สึกทางเพศก่อน แล้วสมองก็จะเริ่มส่งสัญญาณไปยังอวัยวะเพศผ่านทางระบบประสาท (ไขสันหลังและเส้นประสาท) ทำให้มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ในขณะเดียวกัน หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศจะขยายตัวขึ้นเป็น 2 เท่า ทำให้เลือดไหลมาคั่ง และเลือดก็ถูกกักไว้โดยเนื้อเยื่อรอบๆ เป็นผลให้มีการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ถ้ามีอะไรก็ตามที่มาขัดขวางขบวนการเหล่านี้ จะส่งผลให้เกิด ED ได้ทั้งสิ้น

สาเหตุของ ED มีอะไรบ้าง

1. สาเหตุทางกาย พบ 70% แยกเป็น

1.1 วัยทองในเพศชาย (Andropause) ร่างกายจะสร้างฮอร์โมน Testosterone ลดลง ทำให้สมรรถภาพและความต้องการทางเพศถดถอยไปตามวัย

1.2 โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ 2. สาเหตุทางจิตใจ พบ 20% 3. สาเหตุอื่นๆ พบ 10% สาเหตุของ ED แยกตามโรค

1. ระบบหลอดเลือด พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากหลอดเลือดมีการอุดตันจากโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง ทำให้เลือดไหลไปยังอวัยวะเพศได้น้อย จึงไม่สามารถแข็งตัวได้

2. ระบบประสาท เกิดจากโรคของสมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาท เช่น พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรคหลอดเลือดของสมอง อุบัติเหตุของไขสันหลัง และเส้นประสาทเสื่อม จากเบาหวานที่เป็นนานเกิน 10 ปี

3. ฮอร์โมนเพศ (Testosterone) ต่ำ จากวัยทอง หรือเนื้องอกของต่อมใต้สมอง ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง

4. ผลจากการผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน เช่น กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก ทวารหนัก อาจมีการทำลายหลอดเลือด และเส้นประสาทบริเวณอวัยวะเพศ

5. จิตใจ เช่น เครียด วิตกกังวล โรคซึมเศร้า โรคจิต

6. สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ บุหรี่ เหล้า ยาบางชนิด ยาเสพติด ขาดสารอาหาร พักผ่อนน้อย

ควรสังเกตหรือตรวจการแข็งตัวของอวัยวะเพศในช่วงที่หลับ หากยังสามารถแข็งตัวตอนกลางคืนหรือเช้ามืด แสดงว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากจิตใจ แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไป

วิธีการรักษา ED มีอะไรบ้าง

  1. ยากิน ตัวที่รู้จักกันทั่วไปคือกลุ่ม Sildenafil หรือ Viagra โดยยานี้จะเพิ่มเลือดให้ไปเลี้ยงอวัยวะเพศมากขึ้น แต่ยานี้จะได้ผลต่อเมื่อผู้ใช้มีความต้องการทางเพศด้วย
  2. ยาฉีด ฉีดที่โคนอวัยวะเพศ เพื่อให้เกิดการแข็งตัว
  3. ยาเม็ดสำหรับสอดเข้าทางท่อปัสสาวะ
  4. อุปกรณ์กระบอกสูญญากาศ
  5. การผ่าตัดฝังอุปกรณ์ช่วย
  6. การบำบัดทางจิต
  7. เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น อาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อน งดบุหรี่ เหล้า ยาเสพติด

ผลการรักษาเป็นอย่างไร

ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหน ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละคน ยาที่ได้ผลกับคนส่วนใหญ่ไม่ได้แปลว่าจะใช้ได้กับทุกคน อาจต้องลองหลายวิธีเพื่อหาวิธีที่เหมาะที่สุด อย่างไรก็ตามวิธีที่ใช้ควรเป็นวิธีที่ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง

มะเขือเผา นกเขาหลับ…ชีวโมเลกุลช่วยได้อย่างไร ?

เมื่ออายุเกิน 27 ปี สมองเริ่มมีอาการสูญเสียไปบางส่วนทำให้สมรรถภาพโดยรวมเริ่มถดถอย โดยเฉพาะต่อมใต้สมองจะผลิตฮอร์โมนหนุ่มสาว (growth hormone) และฮอร์โมนเพศลดลง ทำให้สมรรถภาพและความต้องการทางเพศอาจถดถอย…

หลักการของชีวโมเลกุลคือ การใช้ “เซลล์ซ่อมเซลล์” เพื่อให้เซลล์ที่อ่อนปวกเปียกกลับมาทำหน้าที่ได้ใหม่ แม้อาจจะไม่เต็มร้อยเหมือนเดิม แต่ถ้าอยู่ในระดับ “ใช้งานได้” ก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ

ชีวโมเลกุลที่นำมาใช้ใน ED มีหลายตัว เพราะต้องฟื้นฟูเจ้าน้องชายในแบบองค์รวม เช่น เซลล์ของสมอง ไปซ่อมบำรุงเซลล์สมอง เพื่อฟื้นคืนอารมณ์ความรู้สึก + ความคึกคักกระชุ่มกระชวย

เซลล์ของต่อมใต้สมอง จะไปซ่อมต่อมใต้สมองให้สร้างฮอร์โมนหลายชนิดไปกระตุ้นอัณฑะให้สร้างฮอร์โมนเพศเทสโตสเทอโรนเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนเทสโตสเทอโรนเป็นตัวสำคัญในเรื่องสมรรถภาพความเป็นชาย การสร้างอสุจิ และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (ล่ำบึ้ก) ส่วนเซลล์กล้ามเนื้อซึ่งมีส่วนของต่อมลูกหมาก และกล้ามเนื้อเฉพาะอวัยวะก็ไปซ่อมบำรุงต่อมฯ, เนื้อกล้ามและหลอดเลือดให้แข็งแรงขึ้น ยังมีเซลล์ของหลายๆ อวัยวะรวมกันอย่างละเล็กน้อย ไปซ่อมบำรุงทุกส่วนของร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้นพร้อมเพรียงกัน เมื่อได้ชีวโมเลกุลครบทุกองค์ประกอบดังกล่าว ก็น่าจะช่วยให้ท่านชายทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรงและแข็งเร็ว

ข้อเด่นของชีวโมเลกุล

การใช้ชีวโมเลกุลเป็นการหวังผลระยะยาว เพราะเมื่อเซลล์ได้รับการฟื้นฟูให้แข็งแรงแล้ว ก็ย่อมใช้งานไปได้เรื่อยๆ หากรู้จักดูแลสุขภาพให้ดีและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มิใช่ผลชั่วครั้งชั่วคราวเหมือนการใช้ยากินปลุกนกเขา พอหมดฤทธิ์ยาก็เฉาอีก แต่ก็สามารถใช้ร่วมกับยาได้ เพราะช่วงที่ชีวโมเลกุลกำลังฟื้นฟูเซลล์ย่อมต้องใช้เวลา จึงอาจต้องพึ่งพายาในระยะนี้ไปก่อน ต่อเมื่อเจ้าน้องชายเริ่มรู้สึกคึกคักเองได้แล้ว ก็สามารถลดหรือเลิกใช้ยาได้ ดังนั้น ED รายที่น่าจะใช้ชีวโมเลกุลได้ผล คือ

  1. บรรดา สว.(สูงวัย) ทั้งหลาย ซึ่งสมรรถภาพและความต้องการทางเพศเริ่มถดถอยเนื่องจากความเสื่อมตามวัย
  2. ED ที่เกิดจากโรคทางกายที่ไม่รุนแรง และเป็นมาไม่นาน เพราะเซลล์ต่างๆ ยังสามารถฟื้นฟูได้
  3. ED ที่เกิดจากความเครียด เซ็ง บุหรี่ เหล้า ขาดสารอาหาร พักผ่อนน้อยฯลฯ หากแก้ไขปัจจัยเหล่านี้ไปพร้อมกัน นกเขาก็คงขันได้เหมือนเดิม

อย่าลืมว่า 70% ของ ED เกิดจากโรคทางกาย โดยเฉพาะโรคเบาหวาน และหลอดเลือดแดงตีบ ดังนั้นจึงต้องรักษาโรคที่เป็นสาเหตุด้วย ซึ่งยังมีชีวโมเลกุลอีกมากมายที่มีบทบาทในโรคเหล่านี้

ได้ผลทุกคนไหม ?

ขอยกตัวอย่างยาพาราเซตามอล เราพิสูจน์ทราบแล้วว่าแก้ไข้ แต่ก็อาจมีบางคนที่ไม่หาย กรณีของชีวโมเลกุลก็เช่นกัน เราได้ก้าวข้ามคำถามว่าได้ผลหรือไม่ไปแล้ว เพียงแต่มาพิจารณาว่าทำไม บางรายจึงอาจไม่ได้ผล เช่นเหตุของตัวผลิตภัณฑ์ไม่มีคุณภาพพื้นฐานของเซลล์ซ่อมเซลล์, ยาหมดอายุ

การใช้ไม่ถูกวิธี เช่น เอาแบบอมใต้ลิ้นไปกลืนลงท้อง หรือชนิดกลืนถูกนำมาเคี้ยวก็ถูกน้ำย่อยกระเพาะทำลายประสิทธิภาพไป แล้วเสาหลักหรือเซลล์เป้าหมายที่จะให้ซ่อมยังอยู่ไหม…เหลือมากน้อยเพียงไร…เพราะหากขาดเป้าหมายให้ซ่อม ก็ไม่รู้ไปซ่อมอะไร…หากเซลล์เป้าหมายชำรุดไปมากมายก็คงต้องใช้เวลามากขึ้นหรือได้ไม่เต็มร้อย !

ปัจจัยร่วมว่าสารสำคัญไปสู่เป้าหมายได้หรือเปล่า เช่น หากเลือดหนืดข้น นำอาหารไปไม่ได้ เช่น เบาหวานรุนแรง เรื้อรัง ก็ต้องแก้ไขภาวะเบาหวานให้ดีก่อน หลอดเลือดที่ตีบตันก็อาจต้องเพิ่มน้ำมันปลา หรือโอพีซี ในการก่อสร้างผนังหลอดเลือด กิงโกะหรือหลินจือก็อาจนำมาใช้ช่วยละลายเกล็ดเลือดในกรณีเลือดจับตัวเหนียวแน่น หรือหลอดเลือดไม่ขยาย

ยังมีกรณีอวัยวะเป้าหมายขาดปัจจัย เช่น การขาดแร่ธาตุสังกะสีอย่างรุนแรง ทำให้ต่อมลูกหมากทำงานสร้างน้ำเชื้ออสุจิมิได้

การกินยาลดไขมันไปกดการสร้างโคคิวเทน

ผู้มีความดันสูงก็ขาดโคคิวเทน

หรือกรณีขาดแมกนีเซียม ก็ล้วนทำให้กล้ามเนื้อทำงานบกพร่อง

ในผู้ป่วยอัมพาต อุบัติเหตุของไขสันหลัง ทำให้เส้นทางเดินของประสาทจากสมองสั่งการไปยังอวัยวะปลายทางถูกตัดขาด ย่อมไม่ได้ผลจากการใช้ชีวโมเลกุล เว้นแต่มีการซ่อมแซมให้มีการต่อเชื่อมของเส้นประสาทไขสันหลังได้เรียบร้อยก่อน

ยังมีภาวะของจิตใจที่สำคัญ เช่น ความเครียด วิตกกังวล ตื่นเต้น เบื่อหน่าย เป็นต้น ผู้ที่เครียดมากๆ อาจสมควรเพิ่มต่อมไพเนียลด้วย

ชีวโมเลกุลจึงไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ที่จะแก้ปัญหา ED ได้ทุกราย เช่นเดียวกับวิธีการรักษาอื่นๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรคทางกายด้วย

ตัวช่วยอื่นๆ

  1. ลด / เลี่ยง

1.1 แอลกอฮอล์ หลายคนเข้าใจผิดว่า “ดื่มเหล้าย้อมใจ” แต่ข้อเท็จจริง คือ แอลกอฮอล์ในระดับหนึ่ง มีช่วงออกฤทธิ์ ทำให้หลอดเลือดหดเกร็งมากกว่า จึงดูเหมือนจิตใจฮึกเหิม แต่ร่างกายกลับตรงข้าม

1.2 บุหรี่ เป็นที่แน่นอนว่า นิโคตินในบุหรี่มีผลต่อการหดเกร็งของหลอดเลือด ลดการไหลเวียนโลหิต ไม่นับกลิ่นอันเป็นที่น่ารังเกียจ

1.3 เลี่ยงอาหารที่อาจปนเปื้อนฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ฮอร์โมนเร่งโต ฮอร์โมนที่ลดอัตราเผาผลาญ เพื่อเพิ่มมวลเนื้อในสัตว์ที่เลี้ยงระบบฟาร์มอุตสาหกรรม เช่น น้ำนมวัว เนื้อวัว หมู ไก่ตอน ปลาฟาร์ม

1.4 แหล่งเอสโตรเจนจากภายนอกร่างกาย คือ xenoestrogen อันเชื่อว่าเป็นสาเหตุแห่งการเบี่ยงเบนทางเพศ (เกย์) ซึ่งหากบุรุษได้รับ estrogen เข้าไปมาก ก่อนจะถึงจุดเบี่ยงเบนเป็นเกย์ ก็น่าจะพบอาการหย่อนเทสโตสเทอโรนไปก่อน แหล่งเอสโตรเจนที่คาดไม่ถึง เช่น พลาสติกละลายน้ำเมื่อถูกความร้อน น้ำอาร์โอบรรจุขวดพลาสติกขาวขุ่น กล่องบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เข้าไมโครเวฟ การใช้ถ้วยหรือถุงพลาสติก ช้อนพลาสติก บรรจุหรือสัมผัสความร้อน น้ำมัน ดีดีที เป็นต้น

1.5 ช่วงเวลาโอ้โลมปฏิโลม (prelude) หรือช่วงเล้าโลมก่อนร่วมเพศ พบว่าในบางรายที่ใช้เวลาเนิ่นนานไป โดยเฉพาะการดูภาพยนตร์ปลุกเร้าเป็นเวลานาน กลับทำให้อวัยวะเพศอ่อนล้าจนหมดสภาพก่อนใช้งานจริง

1.6 บรรยากาศและสิ่งแวดล้อม อากาศที่ร้อนอบอ้าว ความคุ้นชินชา กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หรือระดับพื้นที่นอนที่ไม่อำนวย ล้วนเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับ ผู้ที่อวัยวะเพศไม่แข็งแรง (เก้าอี้พรานในโรงแรมม่านรูดอาจช่วยได้) ก็ท่ายืน นั้นเข้าถึงกว่านั่งคุกเข่าเป็นไหนๆ

1.7 ตำราจีน มักเน้นเรื่องให้กลั้นการหลั่งน้ำอสุจิ เมื่อไหร่ที่เกิดการหลั่ง ร่างกายต้องสูญเสียพลังไปมาก และอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์กว่าเจ้าหนูจะลุกขึ้นใหม่ได้

1.8 การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองของฝ่ายหญิง โดยใช้อวัยวะเพศชายเทียม พึงหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าของสามี เพราะอะไร…ลองเอานิ้วก้อยแยงรูจมูก…เข้าได้แบบหลวมๆ แล้วลองเอานิ้วโป้งแยงรูจมูก…คับมาก แต่หากเราใช้นิ้วแม่โป้งแยงรูจมูกเป็นประจำ นานๆ เข้ารูจมูกย่อมปรับตัวบานขึ้น เพื่อมิให้ระคายเคืองเสียดสีมาก แต่การขยายปรับตัวของช่องคลอดเพื่อให้ปฏิบัติการลุล่วง ทำให้ไม่กระชับเมื่อใช้ขนาดที่เล็กลง…นิ้วก้อยย่อมไม่พอจิต รูจมูกเองก็ไม่ถึงใจ ! หญิงที่ผ่านการมีบุตรแล้ว หากช่องคลอดไม่หย่อนยานชำรุด ย่อมมีโอกาสกลับมากระชับปรับตัวเข้าได้กับสิ่งที่สัมผัสประจำ จึงไม่ต้องหวาดวิตกไป หากพิถีพิถันในการใช้เครื่องทุ่นแรงที่ไม่เกินขนาดของสามี กรณีนี้ยังใช้เป็นคำตอบได้กับสาวที่ชอบพึ่งตนเองด้วยอุปกรณ์เกินพิกัด ครั้นพอพลีกายในวันวาเลนไทน์กับชายในฝัน แล้วพลันพบว่าไม่น่าประทับใจกันทั้งสองฝ่าย…กลายเป็นสวรรค์ล่ม !

2. เพิ่ม / เสริม

2.1 กิงโกะ หรืออาร์จินีน มีรายงานผลการละลายเกล็ดเลือด และขยายตัวของหลอดเลือดฝอย ส่วนหลินจือสกัดมีสารที่ออกฤทธิ์ ประหยัดออกซิเจน ช่วยให้อึด

2.2 บริเวณหัวนมของเพศชาย ก็เป็นจุดรวมประสาทเช่นเดียวกับเพศหญิง ลองให้คู่ขาของคุณ ช่วยดูด ดุน กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ แล้วรีบใช้โอกาสทองปฏิบัติการโดยไว แต่เนิ่นนาน! (อย่าให้กัดหรือบีบแรงเกินไปหรือนอนเฉยเป็นไม้ท่อน !)

2.3 ในกรณีหลั่งเร็ว การใช้ถุงยางอนามัย มีส่วนช่วยได้มาก ในการลดผิวประสาทสัมผัสในผู้หลั่งเร็ว แต่ตรงข้ามกับผู้ที่แข็งตัวช้า ถุงยางเสมือนเสื้อผ้าที่สวมอาจเป็นอุปสรรคต่อการรับสัมผัสได้ 2.4 ในกรณีที่มีโรคทางกายอื่น แต่ไม่รุนแรง เช่น เบาหวาน ความดันสูง คอเลสเตอรอลสูง อ้วนมีโรคหัวใจหลอดเลือด ต่อมลูกหมากโต ฯลฯอยู่ ก็สมควรซ่อมบำรุงระบบ แก้ไขโรคก่อน หรือจะใช้สารชีวโมเลกุลร่วมไปด้วยโดยไม่เล็งผลเลิศนัก ก็ไม่น่าขัดข้อง เช่นให้เซลล์ ตับอ่อน ม้าม แร่ธาตุสังกะสี น้ำมันปลา โคคิวเทน แมกนีเซียม โคลีน วิตามินบี โอพีซี ฯลฯ ให้เพียงพอกับระดับความต้องการของร่างกายเข้าไว้ดีกว่าปล่อยให้ขาดสารอาหารจนชีวโมเลกุลก็ไม่สามารถทำงานได้… อย่าลืมว่า เซลล์ที่ซ่อมแล้วก็ต้องมีอาหารบำรุง เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

2.5 การฝึกใช้งานสม่ำเสมอ ก็เปรียบเสมือนการออกกำลังกายกล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อเรียบและส่วนประกอบก็น่าจะมีการฝึกซ้อมให้พร้อมใช้งาน การมีเพศสัมพันธ์ยังช่วยให้นอนหลับได้ดีอีกด้วย

2.6 การใช้ยาขยายหลอดเลือด หรือยาทาเฉพาะที่เป็นครั้งคราว น่าจะเป็นหนทางสุดท้าย ซึ่งบางคนก็ตอบรับได้ แต่โดยหลักแล้ว ผู้ที่ได้ผลจากการใช้ยาเฉพาะครั้งคราว แสดงว่าการแก้ไขด้วยการซ่อมเซลล์พื้นฐานมีความเป็นไปได้สูงและเหมาะสม ปลอดภัยกว่ามาก

2.7 หากมิได้ใช้ถุงยางอนามัย แล้วขาดการหล่อลื่น ดุนสักพักมักอ่อนตัว กรณีนี้ ควรนึกถึงน้ำมันมะพร้าว VCO ช่วยพาผ่านประตู …ผลพลอยได้คือ ช่วยฆ่าเชื้อไวรัสบางชนิดได้ด้วย !

จะวัดผลว่าดีขึ้นได้อย่างไร ?

ในกรณีของอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ให้สังเกตอาการของนกเขาก่อนใช้กับหลังใช้สารชีวโมเลกุลไป 7 – 10 วัน โดยเฉพาะช่วงตอนตื่นนอน ว่าเจ้าหนูลุกขึ้นแข็งตัวได้หรือไม่ หากอ่อนปวกเปียกปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น ก็อย่าเพิ่งออกศึกให้หน้าแตก หากพอปลุกขึ้นก็แสดงว่าในส่วนสภาพร่างกายมีความพร้อมใช้งานได้ระดับหนึ่ง เหลือเพียงการปรับสภาพจิต และกำลังใจ

ต้องใช้นานแค่ไหน ?

ในวัยหนุ่ม 30 – 40 ปี มักรู้สึกดีได้เร็วกว่า ดังนั้นระยะเวลา 10 วันก็น่าจะเพียงพอ แต่หากเป็นหนุ่ม(เหลือ)น้อย อายุ 40 – 50 ปีขึ้น ถ้ารู้สึกดีขึ้นอาจทานต่อเนื่องได้อีก 20 – 30 วัน อันนี้แล้วแต่รากฐานของเซลล์ว่าคงเหลือให้ซ่อมมากน้อยแค่ไหน ระยะการใช้จึงแตกต่างกัน

สรุปแนวการแก้ไข ED โดยไม่ใช้ยา

1. เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ควรเริ่มจากอาร์จินีน 1,000 มก./วัน แบ่ง 3 มื้อ ดื่มนมถั่วเหลือง เช้า และ/หรือ ก่อนนอน

2. กรณีผลตอบรับยังไม่น่าพอใจ

2.1 ผู้อายุไม่เกิน 40 ปี ลอง (อมใต้ลิ้น) เซลล์สมองกับ ต่อมใต้สมอง อย่างละ 3 เม็ด พร้อมกัน ก่อนปฏิบัติการ

2.2 ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ควรทาน (อมใต้ลิ้น) เซลล์สมอง + ต่อมใต้สมอง + อัณฑะ อย่างละครั้งละ 1 เม็ด เช้า กลางวัน ร่วมกับ (กลืน) อวัยวะรวม เช้าละ 1 เม็ด เป็นเวลา 10 – 30 วัน และ/หรือ ร่วมกับ ข้อ 2.1

3. การบำรุงร่างกายระยะยาวควรใช้ ข้อ 1 ร่วมกับน้ำมันปลา วันละ 1 – 3 แคปซูล

3.1 ผู้ขาดแร่ธาตุสังกะสี (เช่น มีสัญญาณกายของ เล็บอ่อนเปราะ มีจุดขาว) สมควรเพิ่มแร่ธาตุสังกะสี ยังมีสิ่งที่ช่วยลดความหนืด การเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เสริมการไหลเวียนโลหิต และประหยัด การใช้ออกซิเจน เช่น กิงโกะ หรือสารสกัดเห็ดหลินจือ

  • กรณีที่เครียดมากให้เพิ่มเซลล์ต่อมไพเนียล 1x2 ด้วย หากไม่เครียดอย่าใช้ เพราะไพเนียลออกฤทธิ์ ชวนสงบ g สยบมากกว่า จำไว้ว่าถ้าจะกระตุ้นต้องต่อมใต้สมอง !
  • ผู้ที่เป็นเบาหวานควรแก้ปัญหาเบาหวานก่อน เช่น ใช้เซลล์ตับอ่อน 1x3 หากมีปัญหาของไตเสื่อมสภาพ อาจเพิ่มเซลล์ไต 1x3
  • ผู้เป็นความดันเลือดสูง คงต้องเพิ่ม ไพเนียล, ต่อมหมวกไต รวมทั้งโคคิวเทน และแมกนีเซียม
  • ไขมันคอเลสเตอรอลสูง ควรเพิ่มน้ำมันปลา, โคคิวเทน และแมกนีเซียม น้ำมันปลา กิงโกะ หลินจือ และแอสไพริน อาจเสริมฤทธิ์ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดหยุดยาก พึงระวังในการใช้ร่วมกัน