น้ำผลไม้ 100% เคยสังเกตไหม ทำไมบอกว่า 100% แต่เข้มข้นแตกต่างกัน ด้วยผู้ผลิตอ้างว่าเก็บมาคั้นตอนฝนตก กับแดดออก จึงมีน้ำคั้นออกมามากน้อยกว่ากัน แล้วยังมีการผลิตแบบใช้ผงแห้งมาผสมน้ำ ถ้ามิได้ใส่อย่างอื่น เช่น น้ำตาล กันบูด สารปรุงรสอื่นๆ ก็ยังเรียก 100% ได้ บางฉลากก็บอกว่า…100% แล้วระบุรายการอื่นลงไป
น้ำโมเลกุลเล็กดีอย่างไร ? เบื้องแรก หมายถึง “น้ำกลุ่มโมเลกุลเล็ก” เพราะน้ำทุกโมเลกุลคือ H2O ล้วนขนาดโมเลกุลเท่าๆ กัน น่าจะเกี่ยวเนื่องกับความหนืดของน้ำ เนื่องจากสิ่งเจือปนมากกว่า
ข้อดีของน้ำกลุ่มโมเลกุลเล็ก ก็เช่นเดียวกับเม็ดเลือดแดงที่กระจายตัวดี ไม่จับกลุ่มเหนียว ทำให้ไหลเวียน ดูดซึม ร่างกายนำไปใช้ได้สะดวก
น้ำมันปลาเกรดยา ดีอย่างไร ? เป็นการนำน้ำมันปลาเกรดอาหารไปสกัดซ้ำเอาสารพิษ สิ่งเจือปน โลหะหนัก ออกให้ได้มากที่สุดจนเข้ามาตรฐานเกรดยา เพื่อให้กินได้วันละปริมาณมากๆ ติดต่อกันนานๆ ซึ่งผลพลอยได้คือมี EPA + DHA เข้มข้นขึ้นเท่าตัว ทำให้ขนาด 500 มก.แคปซูล มีปริมาณ n3 เทียบเท่าขนาด 1000 มก.แคปซูลของเกรดอาหาร…ได้เป็นแคปซูลเล็กลงเท่าตัว กลืนง่ายอีกต่างหาก เป็นการระบุ specification ของวัตถุดิบ มิใช่ทับถมเกรดอาหาร
โอพีซี ต่างจากสารสกัดจากเมล็ดองุ่นอย่างไร ? โอพีซี เป็นสารสำคัญที่ได้จากการนำสารสกัดเมล็ดองุ่น หรือเปลือกสนฝรั่งเศส (ซึ่งมีทั้งโอพีซี และไม่ใช่ โอพีซี เช่น PPC tannin ซึ่งไม่มีประสิทธิภาพเหมือนโอพีซี) โอพีซีเป็นส่วนที่ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ดี และลายในน้ำ ผ่านแนวกั้นสมองเข้าสู่สมองได้ เมล็ดองุ่นแต่ละชนิดมีความเข้มข้นของโอพีซีแตกต่างกัน
ทำไมสูตรสมอง ต่อมใต้สมองอย่างละ 3 เม็ด อมพร้อมกัน ช่วยได้ทั้งสมองแล่น และ ED ? มีข้อเท็จจริงว่า อัจฉริยะมักเซ็กส์จัด อีกทั้งการมีเซ็กส์บ่อยๆ ช่วยลดความเสื่อมของสมอง (อัลไซเมอร์) บ่งบอกว่าประสิทธิภาพทางความคิดความอ่านใช้อวัยวะเดียวกันกับเรื่องเซ็กส์ ซึ่งก็คือเซลล์ของสมองกับต่อมใต้สมองนั่นเอง แล้วในวัยหนุ่มที่อัณฑะยังสร้างฮอร์โมนเพศได้ดี แต่ทำไมหย่อนสมรรถภาพ ก็คือความเครียดจากชีวิตประจำวัน ผลคือ สมองล้า การกระตุ้นบำรุงสมองคือ ดูแลส่วนสมอง และต่อมใต้สมองให้สมบูรณ์ เมื่อสมองดีก็ส่งผลถึงสมรรถภาพทางเพศด้วย (ยังงี้ใครอยากเป็นอัจฉริยะก็หมั่นมี sex เข้าไว้ !!)
อาหารหลักมี 5 หมู่ ตามตำราอาหารหลักห้าหมู่ได้แก่ 1.โปรตีน 2.คาร์โบไฮเดรท 3.ไขมัน 4.วิตามินเกลือแร่ 5. น้ำ และน้ำจัดเป็นกลุ่มอาหารหมู่ที่ 5 (ที่สำคัญแต่เรามองข้ามไปหรือคาดไม่ถึง)
จะอม เคี้ยว บด หรือกลืน ยาอมใต้ลิ้น ? ผลิตภัณฑ์ที่ใช้อมใต้ลิ้น มีวัตถุประสงค์ให้ดูดซึมผ่านหลอดเลือดในช่องปาก เฉกเช่นเดียวกับยาขยายหลอดเลือดหัวใจ ไนโตรกลีเซอรีน มิให้กลืนลงกระเพาะ อันจะถูกน้ำย่อยทำลายประสิทธิภาพของยาไป
ในผู้ป่วยอัมพาตที่มักดุนลิ้น ดันอาหารในปากออกมา จึงแก้ด้วยการบดละเอียด แล้วโรยลงใต้ลิ้น
ในผู้ที่อมแล้วละลายยาก น้ำลายไหลยืด แก้ไขโดย ขบเม็ดยาด้วยฟันให้แตก แต่ไม่ใช่เคี้ยวจนยาติดในซอกฟัน เพื่อให้ละลายเร็ว
ผู้ที่อมปกติได้ ก็ไม่ต้องดัดแปลงให้ยุ่งยาก หากอมแล้วไม่ทันดูดซึม มีน้ำลายไหลมากเต็มช่องปาก ก็คงต้องใช้วิธีกลั้วกลอกไว้ในปาก แต่หากทนไม่ไหว กลืนลงท้องก็ยังดีกว่าบ้วนทิ้งไป
น้ำมันมะพร้าว VCO เป็นไขมันแคลอรี่ต่ำ? ไม่ใช่…เพราะไขมันทั้งหลายล้วนให้พลังงาน 9 KCal/g เท่าๆ กัน (VCO มี 8.6 KCal/g) แต่ข้อแตกต่างของน้ำมันมะพร้าวคือ นอกจากกระตุ้นต่อมไทรอยด์แล้ว ความที่เป็นไขมันอิ่มตัวสายโมเลกุลไม่ยาวมากนัก (MCT) ทำให้ดูดซึมเข้าเซลล์ได้ง่ายโดยไม่ต้องอาศัยอินซูลิน จึงถูกนำไปใช้เผาผลาญเป็นพลังงานได้โดยเร็ว ผลพลอยได้คือ ร่างกายมีอัตราเผาผลาญสูง ก็กระฉับกระเฉงกระชุ่มกระชวย อยากทำงาน ไม่ง่วงเหงาเซาซบ ก็เป็นหนทางให้เกิดการเคลื่อนไหวใช้พลังงาน ความอ้วนจึงลดลง แต่หากกิน VCO มากๆ โดยไม่ออกกำลังกาย ก็เกิดโทษได้ ไม่ว่าเรื่องอ้วน…มันจุกตับ…หรือคอเลสเตอรอล
มีผู้คัดค้านคุณค่าของน้ำมันมะพร้าว VCO ว่ามุ่งสร้างราคาเพื่อการค้า ควรพิจารณาเหตุผล รายละเอียดประกอบแต่ละประเด็นด้วยตนเอง เนื่องจากตำราสมัยก่อนรังเกียจ ระบุโทษของน้ำมันมะพร้าวไว้มาก ครั้นเมื่อมาพบโทษของน้ำมันพืชไม่อิ่มตัวทั้งหลาย ตลอดจนการแปลงเป็นไขมันทรานส์จนอเมริกาเริ่มห้ามใช้ หลายนักวิชาการอาจกลับตัวลำบาก หรือยังเชยอยู่ แต่บางประเด็นธุรกิจน้ำมันมะพร้าว ก็นำมาขยายผลจนเกินจริงไปเหมือนกัน สำหรับราคาที่บางแบรนด์อาจสูงเกินค่า แต่การแข่งขันเป็นตัวคุมราคา คุณอาจไม่เอะใจว่า ค่าเช่าพื้นที่วางขายมันมหาโหดแค่ไหน แต่ทำไมต้องยอม…ก็เพราะขายได้…ก็เพราะสะดวกซื้อ ก็คือผู้บริโภคมีส่วนกำหนด หรือบีบผู้ผลิตทางอ้อม นั่นเอง ตัว P การตลาดที่หมายถึงช่องทางการจำหน่ายจึงเป็นต้นทุนมหาศาล แม้แต่หนังสือเล่มนี้ หากแม้นทราบถึงค่าจัดจำหน่าย..ก็อาจจะหนาว !
ดุลยภาพ 1 : 4 เป็นตัวเลขที่น่าสนใจ มีความหมายในหลายสถานะการณ์ เช่น
ผลงาน 80% มาจากกลุ่มคนเพียง 20% ในองค์กรหรือยอดขาย 80% มาจากพนักงานจำนวน 20%
สัดส่วนของน้ำมันปลา n3 ต่อ n6 หากสูงเกิน 1:4 มักมีปัญหาอักเสบตามเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ เช่น โรคข้อ ภูมิเพี้ยนทั้งหลาย ด้วยเกินขีดความสามารถของ n3 ในการต้านอักเสบที่ n6 ก่อขึ้น
ในลำไส้ หากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ เช่น Lactobacillus น้อยกว่าอัตรา 1:4 คือ มี E coli และ Clostridium มากเกินไป ผลคือ บูดเน่า เป็นพิษ ท้องเสีย ฯลฯ ด้วยเกินขีดความสามารถของจุลินทรีย์ที่ดีในการต่อต้านแบคทีเรียร้าย
ในช่องคลอด อัตราของ Lactobacillus ต่อเชื้อรา Candida albican ถ้าเกิน 1:4 ก็เกิดอาการตกขาว คันช่องคลอด
ค่าปกติของไขมันในเลือด สำหรับคนไทยที่ตรวจ โดยวิธีให้ผู้รับการตรวจอดอาหารเช้า เป็นดังนี้
คอเลสเตอรอล ไม่เกิน 200 – 220 มก./ดล.(mg%)
ไตรกลีเซอไรด์ (TG) ไม่เกิน 160 – 200 มก./ดล.(mg%)
ไขมันเลว (LDL) ไม่เกิน 150 มก./ดล.(mg%)
ไขมันดี (HDL) ในหญิง มากกว่า 45 มก./ดล.(mg%)
ไขมันดี (HDL) ในชาย มากกว่า 35 มก./ดล.(mg%)
หากอัตราส่วนของ HDL ต่อ TG/คอเลสเตอรอลรวม เกิน 1:4 แปลว่า อยู่ในภาวะอันตรายต่อหลอดเลือด เช่น อักเสบ ตีบแข็ง (ดูเหมือนไขมันดีเอาไม่อยู่ !)
จำนวนไมโตคอนเดรีย ในเซลล์แต่ละประเภท เป็นสิ่งอธิบายปรากฎการณ์ เช่น ทำไมยามหลับกลับมีอัตราเผาผลาญสูงกว่าเวลาตื่น…ก็เพราะตับและสมองทำงานตอนหลับ…เซลล์ของตับ และสมองมีจำนวนไมโตคอนเดรียมากกว่าเซลล์อื่นใดของร่างกายหลายเท่านัก !
ผนังไมโตคอนเดรียที่เป็นไขมัน 90% ใช้อธิบายภาวะดื้ออินซูลิน หากขาด n3 ต้องสร้างด้วยไขมันเลว
อาการโรคที่เนื่องจากขาดสารอาหารก็มักอธิบายด้วยพื้นฐาน การทำงานของไมโตคอนเดรีย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โคคิวเทน ออกซิเจน
งูสวัด ไม่ว่าเป็นเม็ดใต้หรือเหนือสะดือ เกิดจากไวรัสที่ติดมา แล้วซ่อนตัวในปมประสาท พร้อมออกมาแสดงอาการเมื่อร่างกายอ่อนแอ เกิดเป็นเม็ดน้ำใส เรียงเป็นกลุ่ม ปวดแสบร้อน ยิ่งออกเม็ดมากก็ยิ่งบ่งชี้สภาพร่างกายว่าอ่อนแอ ขาดภูมิต้านทานมาก นอกจากยาต้านไวรัสที่ชื่อ Acyclovir แล้ว การใช้วิตามินอีทา หรือทาด้วยเจลจากว่านหางจระเข้ พร้อมทานวิตามินซี บีรวม และที่สำคัญคือ โอพีซี มีรายงานว่าช่วยให้ดีขึ้น ที่ควรพิจารณาคือ เบต้ากลูแคน และสังกะสีที่พิสูจน์ทราบแล้ว ว่าช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
หยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea) อาจเกิดในช่วงสั้นๆ แต่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากไปรบกวนการหายใจขณะหลับ ดูเหมือนอาการกรนเสียงดัง เหนื่อยล้า อ่อนเพลียมากในตอนกลางวัน และปวดศีรษะในตอนเช้า เป็นสิ่งบอกเหตุว่าจะมีอาการ ความอ้วนเป็นตัวเพิ่มความเสี่ยง ควรรักษาแต่เนิ่นๆ เพราะมีความสัมพันธ์กับการเต้นผิดปกติของหัวใจ ความดันเลือดสูง หัวใจล้มเหลว อัมพฤกษ์ ผู้มีประสบการณ์แนะนำว่า การผ่าตัดเพดานอ่อนแก้กรน มักไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะเพดานอ่อนกลับมาหย่อนยานซ้ำ ในขณะที่การผ่าตัดมักเจ็บปวดมาก ดังนั้นหากตรวจพบลักษณะ Sleep apnea จึงน่าจะใช้เครื่องช่วยหายใจ แบบเพิ่มความดัน (positive pressure) ช่วยเวลานอน แต่ข้อด้อยคือไม่สะดวก และการทำงานของเครื่องก็อาจรบกวนการนอนได้
โรคไหล มีงานวิจัยค้นคว้า ของดร.นัยพินิจ คชภักดี กล่าวถึงภาวะดื้อ ชินชาต่อคาเฟอีน อาจบังเอิญร่วมกับภาวะขาดแมกนีเซียม และโคคิวเทน จนหายใจวาย / หัวใจวายขณะหลับได้ ยังมีพิษร้ายของพาราเซตามอลขนาดเกิน 10 เม็ด (ละ 500 มก.) ก็อาจก่อภาวะตับวาย ตายทันที โดยเฉพาะการได้รับร่วมกับแอลกอฮอล์
สะอึก อาจต้องช่วยกันหลายวิธี เช่น กดจุดโดยใช้นิ้วโป้งกดฝ่ามืออีกข้าง, อุดหูไว้ 30 วินาที, กดผิวที่นุ่มบริเวณหลังติ่งหู รอยต่อกระโหลก, นักแสดงมักใช้วิธีแลบลิ้นยาวๆ นานๆ หรือปิดจมูกป้องปาก ตลอดจนการก้มตัวดื่มน้ำจากแก้ว หรือทานผลไม้ เช่น ส้มมากหน่อย บางตำราชี้ว่าเป็นภาวะขาดแมกนีเซียมทำให้กล้ามเนื้อไม่คลายตัวก็มี
Endometriosis หรือช็อคโกแลตซีสต์ เกิดจากเยื่อบุมดลูกงอกผิดที่ จากภาวะประจำเดือนไหลย้อน มักมีอาการปวดท้องเมนส์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตรวจเบื้องต้นอาจคิดว่าเป็นมะเร็ง ผลการตรวจชิ้นเนื้อ จะได้สารเลือดที่แห้งค้างคาในซีสต์ การป้องกันที่แนะนำไว้คือ น้ำมันปลา + แคลเซียม + แมกนีเซียม และถั่วเหลือง
คัดเจ็บเต้านมก่อนเมนส์ มักมีก้อนบวมเจ็บ เคลื่อนที่ได้ ควรหายไปเมื่อหมดเมนส์ เป็นผลจากฮอร์โมนเพศ ไม่ใช่มะเร็ง แนะนำให้บรรเทาด้วยยกทรงชนิดพิเศษ เพิ่มน้ำมันปลา วิตามินอี แมกนีเซียม และบี6 ขนาด 50 มก. ดื่มนมถั่วเหลือง เพื่อให้ได้ฮอร์โมนพืช Isoflavone…สารกากใยช่วยให้หลั่งเอสโตรเจนมากขึ้น ครีมทาที่มี เอสโตรเจนก็บรรเทาอาการได้
อาการหมดประจำเดือนในวัยทอง ควรเสริมฮอร์โมนพืช Isoflavone จากถั่วเหลือง ตั้งแต่เนิ่นๆ ร่วมกับ แมกนีเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ
ลมชัก อาจขาดบีรวม แคลเซียม แมกนีเซียม หรือทอรีน
เรโนด์ ปลายมือเท้าชาเมื่อกระทบเย็น เป็นภาวะหลอดเลือดฝอยหดตัวผิดปกติ อาจเสริมด้วยน้ำมันปลา แมกนีเซียม วิตามินอี หรือแปะก๊วย
เนื้อสัตว์ กินแล้วทำให้เกิดอนุมูลอิสระมาก และเป็นต้นเหตุของมะเร็งหลายๆ ชนิด เนื้อสัตว์ที่ปรุงด้วยความร้อนสูง เช่น ทอด ปิ้ง ย่าง และเผา ทำให้เกิดสาร HCAs (heterocyclic amines) ขึ้นในเนื้อ เนื่องจากปฏิกิริยาความร้อนกับโปรตีน สารนี้มองไม่เห็น ไม่อาจขูดออกเหมือนคราบไหม้ที่ผิวนอกของเนื้อ HCAs กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระไปบิดเบือนดีเอ็นเอของเซลล์ ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็ง ดังนั้น ถ้าต้องการคงความสาวความอ่อนเยาว์ไว้ให้นานที่สุด ก็ควรเลิก หรือลดการกินเนื้อ แต่ถ้าจะกินก็ควรเลือกปรุงเนื้อให้สุกด้วยวิธีตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆ ต้มหรือลวก ตลอดจนปรุงด้วยเตาไมโครเวฟ ซึ่งแทบไม่เกิด HCAs เลย
ภูมิปัญญาชาวบ้าน
- กินขมิ้น (เหลือง) พร้อมของปิ้งย่าง ต้านการก่อมะเร็งจากสารก่อมะเร็งได้
- ถั่วฝักยาว ดับกลิ่นของสะตอ หรือกินมะเขือเปราะตามหลังสะตอ
- ใบยอมีวิตามิน เบต้าแคโรทีนสูงสุด
- จมูกข้าว ของข้าวกล้องมีวิตามินอีสูง
- ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม ลดคอเลสเตอรอล
ปัจจุบันมีวัคซีนเพิ่มขึ้น ที่ควรทราบจากเดิม เช่น
- บาดทะยัก ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน 3 เข็ม และป้องกันได้ตลอดชีวิต โดยต้องฉีดกระตุ้นทุกรอบ 10 ปี
- มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากสุดในหญิงวัย 35 – 50 ปี พบว่ามีเชื้อต้นเหตุคือ HPA (Human Papilloma Virus) ร่วมกับการมีภูมิต้านทานต่ำ ไม่แข็งแรง ได้รับเชื้อจากการร่วมเพศ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันได้ แต่ต้องฉีดในช่วงอายุ 9 – 25 ปี (ราคาประมาณ 3 – 4 พันบาท/ครั้ง)
- มะเร็งกระเพาะ ก็เกิดได้จากเชื้อ Helicobactor pylori ดังนั้น หากเป็นโรคกระเพาะจึงสมควรใช้ปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ ร่วมด้วยเสมอ อย่าปล่อยให้ติดเชื้อเรื้อรัง ปวดค้างคา…พาไปสู่มะเร็ง
- วัคซีนแก้ภูมิแพ้ ปัจจุบันทำได้ในโรคหอบหืด แพ้อากาศ และแมลงจำพวกผึ้ง ต่อ แตน…สำหรับลมพิษ ผื่นแพ้ หรือ แพ้อาหาร ได้ผลไม่ดีนัก
สำหรับการตรวจสุขภาพที่ควรทำได้แก่
- สังเกตสัญญาณกาย
- ชั่งน้ำหนัก (ดูดัชนีมวลกาย)
- วัดความดัน ค่าปกติคือ 120/80…ไม่แปรผันตามอายุ
- คลำก้อนที่เต้านม….ตรวจพิเศษหากพบก้อนหลังหมดเมนส์ (แต่อย่าเอกซเรย์พร่ำเพรื่อ)
- ตรวจเลือด (CBC complete blood count) ดูจำนวนเม็ดเลือดขาว อีโอซิโนฟิลล์ ที่ไม่เกิน 5%
- ตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก
(สำหรับเอกซเรย์ประจำปี และตรวจเบาหวาน ไม่จำเป็นแล้ว)