สิวติดยา เป็นสิวยอดฮิตที่ติดมาตามกระแสซื้อง่ายจ่ายคล่องทางสื่อออนไลน์ ใครว่าดีก็ใช้ตาม อาจเลือกได้ง่ายตามแผงขายหรือแม้แต่ในห้างใหญ่ๆ ส่วนมากล้วนไม่แจ้งแหล่งผลิตไม่บอกส่วนผสม หรือระบุไว้หลอกๆ มักแรกใช้แล้วดีทันใจ เนียนนุ่มขาวใสหายคันโดยไว…
ทว่าดีอยู่ได้ไม่กี่เดือน จากนั้นสเตียรอยด์ที่แอบผสมไว้เริ่มออกฤทธิ์ เป็นพิษร้ายที่แก้ไขยาก
แม้แต่สินค้าแบรนด์ดัง หากหลงลืมหลักวิชา เน้นแต่เนียนใสขาวนุ่มเข้าว่า ก็อาจผสมสารก่อสิว ได้เป็นสิวจากเครื่องสำอาง ผุดเป็นกลุ่มเม็ดๆ อุดตันขึ้นมาได้ ทำนองเดียวกับสิวสเตียรอยด์
สมัยก่อนเราพบแต่สิววัยรุ่นที่แตกเนื้อเข้าวัยหนุ่มสาว สิวที่มาตามธรรมชาติ จนมีการกล่าวว่า "สิวเป็นเรื่องของธรรมชาติ" แบบว่าผุดตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย ผุดบ่อยๆ ก็บีบแกะจนอักเสบลุกลามใหญ่โตเป็นฝีหนองไปก็มี แต่ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องชิลชิล หากไม่มีอักเสบก็เห็นเป็นสิวเสี้ยนสิวอุดตันธรรมดา
แล้วจะดูอย่างไรว่าเป็นสิวสเตียรอยด์ ?...ง่ายๆ คือเห็นเป็นเม็ดนูนผุดขึ้นมาเป็นกลุ่มทั่วบริเวณที่ทาครีมหน้าขาวหน้าเนียน หรือบริเวณไรผมแผ่นหลังหากใช้แชมพูครีมนวดที่ก่อสิวอยู่
แต่ละเม็ดตุ่มเป็นหัวแข็ง ขนาดไล่เลี่ยกัน มองดูก็เห็นเป็นเม็ดๆ ผุดขึ้นมาคล้ายผด
ลูบดูจะเป็นตุ่มแข็ง เม็ดเล็กๆ สากมือยิ่งคล้ายผด บางคนจึงเข้าใจผิดว่าเป็นผดหรือสิวผดไป
ทว่าคนที่มีประสบการณ์จะดูออกว่านั้นเป็นสิวผุด ไม่ใช่ผด…ซึ่งการแก้ไขแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อันว่าผดนั้นเกิดจากต่อมเหงื่อขยายตัว เพราะระคายเคืองจากการถูกรบกวน ล้างเช็ดขัดถู ทำความสะอาดผิวบ่อยหรือมากเกินพอดี หรือใช้สบู่ยาฆ่าเชื้อรุนแรง ระคายผิว เราจึงมักแนะนำคนที่เป็นสิวว่า "อย่าล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้ง" เพื่อเลี่ยงการเกิดผด ซึ่งผดจริงๆ นั้นไม่ต้องใช้ยาใดๆ แก้ เพียงแต่อย่ารบกวนผิว อย่าฟอกล้างเช็ดถูให้ระคาย ไม่ช้าก็หายได้เอง
สิวสเตียรอยด์ไม่ใช่ต่อมเหงื่อขยายตัวเหมือนผด แต่เป็นต่อมไขมันที่ก่อสิวน่ะแหละ ผนังหนาตัวเพิ่มขึ้นจนนูนเป็นเม็ดไตแข็ง ไม่ใช่มีการอุดตันท่อทางออกแล้วไขมันสะสมเป็นเม็ดนูน...แต่บางจุดก็เกิดสะสมไขมันอุดตันไปด้วยก็ได้
หากไปบีบกดเค้นจะให้ออกเหมือนสิวก็มักติดเชื้ออักเสบแทรกซ้อนรุนแรง
บางทีเห็นมีตุ่มหนองเหมือนสิวอักเสบธรรมดา แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ารอบๆ จุดอักเสบ ยังมีตุ่มเม็ดขนาดไล่เลี่ยกันผุดอยู่ นั่นบ่งบอกว่าเป็นสิวผุดไม่ใช่ผด ไม่ใช่สิวธรรมชาติแล้วอักเสบ
การจะดูว่ามีอักเสบหรือไม่นั้นดูจากสภาพว่ามี ปวด บวม แดง ร้อน หนอง หรือสะเก็ดเหลือง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งหมด ถือว่าเกิดอักเสบ
เราจึงแบ่งเรียกประเภทสิวง่ายๆ ว่า สิวอักเสบ กับสิวอุดตัน...โดยสิวอุดตันก็คือสิวที่ยังไม่อักเสบ...หลักการแก้ไขจึงแยกเป็น แก้อักเสบ แก้อุดตัน หากไม่อยากเป็นใหม่ก็ต้อง-ป้องกันอุดตัน…คำว่าหายขาดไหม ? เลี้ยงไข้รึ ปล่าวจึงอยู่ที่คุณลูกค้าจะป้องกันการอุดตันในสิวเม็ดต่อไปได้ไหม…ไม่ใช่ใครเขาอยากเลี้ยงไว้
หากสิวอักเสบไม่รุนแรงนัก เราจะรักษาอักเสบหรือทิ้งไว้ก่อนก็ได้ โดยไม่ไปรบกวนกดแกะบีบให้ลุกลาม และหากไม่มีเม็ดใหม่ขึ้น เม็ดที่อักเสบอยู่ก็อาจยุบหายไปเองได้ เพราะการแก้ปัญหาสิวสเตียรอยด์หรือสิวติดยาสำคัญกว่า กินเวลานาน ควรเริ่มต้นแต่เนิ่นๆ
แต่หากพบว่าอักเสบรุนแรงกระจายทั่ว ก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนด้วยเมนู "ต้องแก้อักเสบก่อนอื่น" ทำให้สิวผุดอุดตันสเตียรอยด์ ต้องรอไว้ก่อน
กล่าวคือต้องเน้นการใช้ BP&Clinda นำก่อน จึงต้องย้ำว่าสิวติดยาสิวสเตียรอยด์นั้นมันกดหรือดูดเฉยๆ ไม่ได้ ไม่ออกง่ายๆ ไม่เหมือนสิวทั่วไปสมัยก่อนๆ ที่พอกดออกได้บ้าง
หากพบว่ามีอักเสบมากอยู่เป็นกลุ่ม พร้อมกับสิวผุดอุดตันด้วย แต่แบ่งพวกแบ่งกลุ่ม แบ่งขอบเขตกันได้ชัดเจน ก็เลือกเมนู "อุดตันร่วมอักเสบ" คือแก้ทั้งสองกลุ่มพร้อมกัน โดยทายาแก้อักเสบกับแก้อุดตันแยกบริเวณกัน จึงแบบนี้ต้องใช้ยาหลายรายการ ดูมากมายสับสนกว่าเพื่อน
หากส่วนใหญ่เป็นสิวผุดอุดตัน มีอักเสบประปราย มาครั้งแรกมักเลือกใช้ 4-5 รายการแรกที่แก้สิวผุดอุดตันเท่านั้น โดยชุดแก้อักเสบนั้น เพียงบอกเผื่อไว้ยังไม่ต้องซื้อไม่ต้องจ่าย หากที่อักเสบอยู่หายได้เองก็ผ่านไป
หากอุดตันอย่างเดียวก็สบายหน่อย เริ่มทายาสลายอุดตันผลัดลอกผิว ลอกสิวผุดไปได้เลย อย่าเพิ่งเน้นการกดสิวเหมือนกรณีของสิวปกติ ปัญหาคือต้องใช้เวลานานหน่อย เพราะสิวจะผุดขึ้นมาให้กดไม่พร้อมกัน อันไหนผุดได้พร้อมกดค่อยกดออก จะได้ไม่ชอกช้ำมากไป
มารู้จักถึงยาหลักในการแก้สิวผุดสิวติดยาหรือสิวสเตียรอยด์ เป็นยาสำคัญที่ต้องใช้ไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ว่าเลเซอร์ ฉีดยาหัวสิว หรือยาทาทั่วไปก็ไม่ดีเท่า เพราะต้องใช้ทั้งฤทธิ์สลายอุดตันและผลัดผิวลอกผิวควบกัน ซึ่งพวกมังคุดสกัด ทีทรีออย ตลอดจน BP ทำไม่ได้
สิ่งที่ว่าคือ VA หรือกรดวิตามินเอ ชนิดทาเท่านั้น แบบกินหรือฉีดก็มีแต่แก้สิวผุดสเตียรอยด์ไม่ได้เลย ซ้ำเกิดพิษร้ายได้ไม่คุ้มเสีย
VA ย่อมาจากคำว่า Vitamin A acid ไม่ใช่ accin A ไม่ใช่ accin C ไม่มีสารใดใช้แทน VA ได้…VA ช่วยการผลัดผิวลอกผิว ลอกต่อมไขมันให้ค่อยๆ บางลงหลุดออก ระหว่างนั้นบางเม็ดอาจโผล่ผุดขึ้นมาให้พร้อมกดได้
ในร้านยามีหลายแบรนด์หลายยี่ห้อแล้วแต่หมอยาเภสัชกรใคร่แนะนำ
วิธีทา VA สำหรับผู้แรกใช้ที่ผิวไว โดยเฉพาะผู้ที่ผิวแห้งอยู่แล้ว อาจเกิดระคายได้ง่าย จึงต้องค่อยๆ ทา ครั้งแรกบางๆ เบาๆ แล้วล้างออกก่อน เพิ่มเวลาคราวละ 5 นาทีในครั้งต่อไป จนทาทั่วหน้าทิ้งไว้ตลอดคืนได้
อย่าทา VA ตรงจุดอักเสบ ให้ห่างจุดอักเสบเข้าไว้ ทาตอนที่ผิวแห้งสนิท หากเปียกน้ำอาจระคายเคืองได้
เมื่อใช้ VA แล้ว ผิวจะผลัดลอกไวขึ้น ทำให้ดูขาวอ่อนใส ผิวใหม่นั้นบอบบางระคายเคืองง่าย จึงต้องเลี่ยงสบู่ยา อย่าขัดถู อย่าทำขัดผิวลอกผิว ไม่ว่าด้วยกรดผลไม้หรือสารสกัดต่างๆ ไม่ว่าทรีทเมนท์สมุนไพรหรือสารเคมี ตลอดจนครีมที่เข้า retinol วิตามินเอตัวแม่ที่ใช้ในเครื่องสำอาง ก็ยังอาจก่อระคายเคืองซ้ำได้
หากผ่านขั้นตอนนี้ดีแล้ว ก็ไปกดสิวฟรีได้ ซื้อของที่ไหนกดฟรีที่นั่น โดยต้องเข้าใจว่าสิวติดยามันจะไม่ผุดขึ้นมาให้กดได้พร้อมกันทั้งหมด จึงต้องค่อยๆ ทยอย กดออกอย่างถูกวิธี กดให้ห่างจุดอักเสบมากหน่อย อย่ากดแบบเอาเป็นเอาตายจนบวมช้ำไปทั้งหน้า
ก่อนกดอาจต้องทำทรีทเมนท์สลายอุดตันเพิ่มให้กดออกง่าย ไม่บาดเจ็บชอกช้ำทิ้งรอยแผลเป็น...หรือเติมสารบำรุงช่วยแก้สิวกันผื่นแพ้
หากมีรอยดำตกค้าง อะเซลีนทรีทเมนท์ก็นำมาเป็นตัวช่วยที่ดี หากอยากให้ขาวกระจ่างใส ก็อาจอาศัย whitening treatment ได้
มาที่วิธีแก้อักเสบ การแก้อักเสบนั้นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะ โดยยาที่นิยมใช้กันคือ BP หรือ benzoyl peroxide ร่วมกับคลินดามัยซิน...
BP ก็อาจก่อระคายเคืองในผู้แรกใช้ จึงต้องทาบางๆ เบาๆ ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก…ค่อยๆ เพิ่มเวลาคราวละ 5 นาที จนผิวชินตัวยาจึงทาทิ้งไว้นานๆ หรือข้ามคืนได้ เช้าค่อยล้างออก ข้อพึงระวังคืออย่าโดนแดดขณะที่มีตัวยาติดผิวอยู่ แต่เมื่อล้างออกแล้ว ผิวบริเวณนั้นก็ถูกแดดได้...คำแนะนำนี้เรามีแจกคุณลูกค้าที่ต้องใช้ BP ครั้งแรก หากไม่ได้รับกรุณาทวงถามได้...วิธีใช้ VA ก็มีแจกเช่นกัน!
ตัวอย่าง BP ยี่ห้อต่างๆ ที่มีตามร้านยาซึ่งเภสัชกรช่วยแนะนำได้
BP ยังใช้ได้ดีกับสิวอักเสบที่แผ่นหลัง ลำตัวโดยไม่ต้องระวังการใช้เหมือนที่หน้า เพราะผิวกายหนามักทนความระคายเคืองได้ดีกว่าผิวหน้า ทาได้เลย
สิ่งร่วมด้วยช่วยกัน สำหรับแก้สิวที่หลังยังมีสบู่เหลวฟอกผิว โลชั่นแก้สิว
ส่วนใหญ่สิวที่หลังที่ตัวนั้น มักเกิดจากแชมพูครีมนวดผม ที่ไหลย้อยลงมาก่อสิวอุดตันแล้วอักเสบตามมา หากยังใช้ต่อเนื่องสิวก็เกิดใหม่ได้อีก จึงควรใช้แชมพูบำรุงผม&ครีมนวดผมที่ไม่ก่อสิว
เท้าเหม็น ง่ามเท้าเหม็นก็ใช้ BP ทาแก้ปัญหาได้ดี
อีกยาสำคัญที่เราเคยติดอกติดใจ แต้มปุ๊บหายปั๊บ เพราะฆ่าเชื้อโรคได้ดี แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อ 20-30 ปีก่อน ปัจจุบันนี้เชื้อโรคดื้อยาเกือบหมดแล้ว อาจดูเหมือนหดหัวทุเลาเบาบางลง แต่เชื้อไม่ตายไม่หายขาด หลบเข้าข้างในรอประทุใหม่ กลายเป็นเชื้อดื้อยา เป็นภัยทั้งผู้ใช้และคนรอบข้าง จึงห้ามใช้คลินดาโดดๆ หรือทาพร่ำเพรื่อ กล่าวคือต้องใช้ร่วมกับ BP ในการแก้อักเสบให้เสริมฤทธิ์กัน และใช้ต่อเนื่องจนอักเสบหายขาด ที่เหลือทิ้งไป อย่าเก็บเอาไว้เป็นยาสามัญประจำบ้าน อีกอย่างยาทุกชนิดหากเปิดใช้แล้วมักหมดอายุ หมดสภาพ หมดฤทธิ์เร็ว ครีมทาทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน
สิ่งที่มักติดสอยห้อยตามมาในเมนูแนะนำคือเจลอ่อนใสที่ช่วยชะล้างแบบบำรุงถนอมผิว ไม่ระคายสิว ใช้แทนสิ่งล้างหน้าทั่วไปโดยแนะนำให้ใช้วันละ 2 ครั้งเช้าเย็นก็พอ…
อย่าให้ร่างกายขาดแร่ธาตุสังกะสี วิตามินซี ตลอดจนเบต้ากลูแคนเพื่อช่วยการหายของบาดแผล เพิ่มภูมิคุ้มกันฆ่าเชื้อโรค ช่วยสร้างผิวใหม่ แผลหายแล้วสวย ไม่เกิดรอยดำหลุมสิว โอเมก้า3 น้ำมันปลาก็เป็นอีกปัจจัยสร้างผิวสวย...สิ่งต่างๆ เหล่านี้มิใช่ตัวหลักในการรักษาสิว แต่มาร่วมช่วยแก้ปัญหาต่อเนื่อง
สิวที่ส่อว่าอาจเกิดจากแชมพูครีมนวดผมที่ผสมสารก่อสิวเช่นซิลิโคนชนิดเหนียวลื่น ขอแนะนำว่าควรเลือกใช้แชมพูบำรุงผม&ครีมนวดที่ไม่ก่อสิว เพื่อจะได้ไม่กลับมาเป็นสิวอีก...
ทั้งสองรายการนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เพียงแต่เปลี่ยนมาใช้สิ่งที่ปลอดภัยไม่ก่อสิว อีกทั้งประหยัดกว่าด้วย
สิวสเตียรอยด์ที่ปล่อยไว้นานๆ ก็อาจพาลเป็นสิวติดเชื้อราแทรกซ้อนขึ้นมาได้ ในตำราบอกให้กิน&ทายาที่เข้า ketoconazole ฆ่าเชื้อรา แต่เราพบว่าแค่ VCO น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นก็เอาอยู่
จึงสิวติดยาเรื้อรังที่อาจติดเชื้อรา ไม่ว่าราไม่รา ก็ควรทำมาสค์สิวติดเชื้อราควบไปได้ เพียงอาจเหนียวเหนอะหนะขณะใช้ ล้างออกก็หายไป แต่ปลอดภัยได้ผลกว่าการกินยาฆ่าเชื้อรา
หากใจร้อนลอกหน้าลอกผิวรุนแรงก็อาจได้ผิวป่วยขึ้นมาให้แก้ ซึ่งหากผิวป่วยอ่อนแออยู่ ไม่รับรู้การบำรุงใดๆ มาสค์น้ำเกลือนั้นก็ช่วยผิวป่วยได้ แต่อย่าทำซ้ำมากหรือทิ้งไว้นานเกินไป