ตะกร้าสินค้า

ไม่พบสินค้าในรถเข็น

ปัญหาผิวพรรณ

คอลลาเจน

ให้เรตสมาชิก: 0 / 5

ดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งานดาวไม่ได้ใช้งาน
 

รอยตีนกาที่กลัวเกรงกันนั้น สาเหตุมิใช่ผิวหนังหมดอายุหย่อนยานแต่เกิดเพราะเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ประกอบกันเป็นผิวหนังอ่อนแอขาดความยืดหยุ่นเหมือนยางเก่าๆ ที่ดึงแล้วไม่เด้งกลับ สารสำคัญในเนื้อเยื่อที่ทำให้เด้งนี้คือ คอลลาเจน

        ทำให้มักเข้าใจผิดว่า ผิวกลับจะเต่งตึงดังเดิมได้ หากเติมคอลลาเจนเข้าไป คอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีอยู่ทั่วไปในร่างกายมนุษย์และสัตว์ ถ้านำโปรตีนในร่างกายมาจำแนก จะพบว่าเป็นคอลลาเจนถึง 24% พบคอลลาเจนในกล้ามเนื้อและผิวหนัง คอลลาเจนในผิวหนังช่วยให้ผิวเต่งตึง ลองคิดถึงหมอนซื้อใหม่ นุ่นยังไม่ยุบ หมอนจึงเต่งตึงหนับหนุบ ครั้งนานวันนุ่นยุบ หมอนก็ฟุบแบนแต๊ดแต๋เป็นกล้วยปิ้ง 

        ผิวคนเราเช่นกันมีคอลลาเจนเป็นเช่นนุ่นยัดหมอน ช่วยค้ำจุนผิวให้บวมเป่งเด้งดึ๋งดั๋ง พอแก่ตัวลงร่างกายสร้างคอลลาเจนได้ไม่ดังใจ ของเก่าหายไปของใหม่ไม่มาแทนเกิดภาวะขาดแคลนคอลลาเจนในผิวมองเห็นริ้วรอยเหี่ยวย่น นกกาบินมาเกาะ…จึงมีหลายตำรับสลับกันออกมาอาสาแก้ ! 

 

 

        หนึ่งคือ ซื้อคอลลาเจนชนิดครีมมาทาถู ทาถู หวังให้มันซึมไปตามผิวหนัง…วิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะร่างกายไม่ยอมให้สิ่งแปลกปลอมผ่านผิวหนังเข้าไป ใครที่ควักเงินมากมายกับเครื่องสำอางผสมคอลลาเจนจึงต้องผิดหวัง เว้นแต่จะใช้เป็นไมโครคอลลาเจน พอซึมได้ แต่ปริมาณก็คงไม่เพียงพอ และก็สลายไปอยู่ดี 

        สองคือ กินอาหารเสริมคอลลาเจน หวังว่ามันจะเข้าไปทดแทนคอลลาเจนที่หดหาย กับวิธีที่ง่ายสุด คือฉีดคอลลาเจนเข้าไปที่ผิวหนังโดยตรง เห็นผลทันตา แต่…คอลลาเจนที่หมอฉีดให้ ไม่อาจเข้าไปทำงานแทนของเดิมเพราะมันมิใช่คอลลาเจนมนุษย์ เป็นเพียงสารสกัดจากวัวที่คล้ายคลึงกับคอลลาเจนของคน เป็นคอลลาเจน ที่ไม่มีชีวิตติดอยู่ไม่นานก็อันตรธานหายหมด !อีกถ้าแพ้คอลลาเจนวัวละก้อ…คันคะเยอรอบตัว ทั่วไปซ้ำ ถ้าคุณแพ้ อาจพบเห็นได้ใน 10 กว่าวัน หากไม่มีแพ้ หมอจะนัดฉีดจริงต่อไป อย่าใจร้อนเพราะฉีดเข้าไปแล้วแก้ไขไม่ได้ หากใครชวนคุณฉีดคอลลาเจนโดยไม่ทดสอบอาการแพ้ละก้อ…ขอให้คิดดูก่อน !

        นอกจากการแพ้ อาจพบอันตรายอื่นๆ เช่น เข็มสกปรก ทำให้เกิดการติดเชื้อฝี แผลเน่า ผิวลอก เกิดแผลเป็นก้อนเนื้อ ควรเลือกแพทย์ที่จบปริญญา อย่าฉีดกับหมอเถื่อนหรือเน้นราคาถูกเป็นหลัก เดี๋ยวนี้มักมาทางอินเตอร์เนท ! คอลลาเจนชนิดฉีดเข้าไปทำหน้าที่ดุนผิว แบบถุงซิลิโคนหรือถุงน้ำมันที่ใส่เสริมหน้าอก แต่การฉีดไม่ได้เติม คอลลาเจนให้ร่างกายอย่างธรรมชาติซึ่งกระจายอยู่ในเนื้อเยื่อแต่คอลลาเจนฉีดเป็นก้อนตรงที่ฉีด ทำให้ต้องฉีดดุนไว้หลายๆ จุด หมอจะใช้เข็มเล็กพิเศษสอดเข้าไปใต้บริเวณที่เหี่ยวย่นฉีดเป็นจุดตามร่องรอยไปเรื่อยๆอาจต้องฉีดหลายสิบจุดจึงจะงามตามปรารถนา แต่ว่ามันให้ผลระยะสั้นๆ ไม่นาน นางฟ้าจะค่อยๆ คืนร่างเป็น แม่มดดังเดิม เพราะคอลลาเจนวัวจะถูกร่างกายย่อยสลายจนหมดอาจใช้เวลา 3 – 6 เดือน หรือเพียงแค่สามสี่อาทิตย์ แล้วแต่คน ขึ้นกับอายุ ความสามารถของร่างกาย คุณภาพผิว วิถีชีวิต และตำแหน่งที่ฉีด ที่นี้ถ้าเลือกสารฉีดไม่ดูดซึมและไม่แพ้ แต่นานไปก็จะแทรกตัวตกห้อยย้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก คางเลยแหลมขึ้น…แหลมขึ้น ดูเป็นแม่มดจริงๆ !แบบนี้ เบต้ากลูแคนแบบทาดีกว่าเป็นไหนๆผลการดูดซึมก็พิสูจน์ได้กันแล้ว !

 

 

 

คอลลาเจนชนิดกิน…

        หากคิดง่ายๆ ว่า ขาดคอลลาเจนก็กินคอลลาเจนสิ ถ้าการบำบัดโรคทำได้ ด้วยหลักตรรกะง่ายๆ เช่นนั้น เราคงมีวิธีรักษาโรคพิสดาร บานตะไท เช่น โลหิตจาง ก็กินเกาเหลาเลือดหมูรักษาได้ อยากกล้ามใหญ่ก็กินเนื้อวัว กินตับ เครื่องใน แก้ตับแข็ง ผิวเหี่ยวแห้งก็กินหนังไก่ทอด เพราะหนังไก่มีคอลลาเจน ในโลกแห่งความจริง มันไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อคุณกินอาหารเสริมคอลลาเจนลงกระเพาะ ร่างกายจะย่อยมันให้เป็นกรดอะมิโนตัวเล็กๆ เช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ทุกชนิด กรดอะมิโนเหล่านั้นจะไหลไปตามกระแสเลือด และร่างกายจะเลือกใช้ตามความจำเป็น ถ้าร่างกายของคุณต้องการสร้างคอลลาเจน มันก็จะดึงกรดอะมิโนไปสร้าง ถ้าร่างกายของคุณไม่ต้องการสร้างคอลลาเจน กรดอะมิโนก็เหลือค้าง แม้อยากให้สร้างก็มิได้ดังใจ ด้วยยังมีปัจจัยอีกหลากหลาย เช่น หากคุณขาดวิตามินซี ร่างกายก็ลดการสร้างคอลลาเจน

       นักวิจัยพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว สามารถทำให้หนูทดลองมีอายุยืนยาวถึงสี่เท่า เชื่อว่าเป็นการกรุยทางไปสู่คำตอบเรื่องอายุขัย ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Neuroscience แสดงให้เห็นว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สามารถยืดอายุออกไปถึง 4 เท่า เมื่อได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ โดยปรกติอายุขัยของสิ่งมีชีวิต จะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ เช่น ปลาทอง 8 ปี หนู 2 ปี เต่า 150 ปี และคน 120 ปี แต่คนส่วนใหญ่มักไม่เคยมีชีวิตถึง 120 ปี เพราะยังมีอีกหลายสาเหตุที่คอยทำลาย ทุกเซลล์ในร่างกายให้เสื่อมโทรมตลอดเวลา เช่น สารเคมีที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมาเองขณะใช้ออกซิเจน เรียกเจ้าสารทำลายล้างพวกนี้ว่า “อนุมูลอิสระ” หากคุณป้องกันการทำลายล้างของอนุมูลอิสระไว้ได้ ภาวะชราก็จะมาเยือนช้าลง โชคดีที่ธรรมชาติได้มอบสารอาหารบางตัว ที่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระทิ้งได้ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายแก่เซลล์ สารพวกนี้เรียกรวมๆ ว่า สารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxidant นอกจากอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีกระบวนการที่น้ำตาลไปจับโปรตีน ทำให้เนื้อเยื่ออวัยวะเสื่อมได้อีก ที่เรียกกระบวนการกลัยเคชั่น ซึ่งก็ต้องการสารแก้ที่เรียกคาร์โนซีน อย่างหนึ่ง (ที่พอรู้ !) แล้วยังมีกระบวนการเสื่อมเนื่องจากโฮโมซีสเทอีนทำลายผนังหลอดเลือด ซึ่งต้องแก้ด้วยการเติมเมทิลกรุ๊ปแก่เนื้อเยื่อที่เรียกเมทิลเลชั่นอีก อันนี้ก็ต้องพึ่งพาโคลีน วิตามินบี อีกปัจจัย ถึงตรงนี้น่าจะปลงได้สักที ว่าเราไม่มีทางฝืนธรรมชาติ …แค่พอชะลอได้ งั้น…คอลลาเจนจากปลาทะเลลึกก็เป็นแค่กำลังใจ ปัจจัยหนึ่ง !กลับมาแค่เรื่องที่หน้าจะเด้งได้นานต้องมีคอลลาเจน…คอลลาเจนเกิดจากการสร้างของร่างกายไม่ใช่การกิน การทาหรือฉีดสารคอลลาเจน แต่ต้องกินปัจจัยที่ใช้สร้างคอลลาเจน ซึ่งก็น่าจะเป็นวิตามินซี กับพวก…พวกที่ร่วมแรงแข็งขันกับวิตามินซีในการเสริมสร้างมวลคอลลาเจน ก็เช่น โอพีซี สังกะสี และเบต้าดีกลูแคน ซึ่งสกัดได้จากเห็ดหลินจือหรือยีสต์ โดยเฉพาะกลูแคนนอกจากต้านอนุมูลอิสระ แล้วยังไปบำรุงเซลล์คุ้มกันผิว (Langerhans cell หรือ แมคโครเฟ็จแห่งผิว) ให้เข้มแข็ง ก่อเกิดการสร้างคอลลาเจนและสารวุ้นที่พยุงเซลล์ (Hyaluronic acid) เพิ่มขึ้น…ผลคือ…หน้าเด้ง เพราะเป็นคอลลาเจนของแท้ที่ร่างกายสร้างเองจากปัจจัยเกื้อหนุน 

  

 

        ยังมีงานวิจัยถึงผลการซึมซาบของสารเบต้าดีกลูแคน ซึ่งสกัดจากยีสต์หรือเห็ดหลินจือแดง เมื่อนำมาทาก็สามารถซึมผ่านเข้าไปบำรุงแลงเกอร์ฮานส์เซลล์ได้…เป็นที่มาของการนำสารสกัดหลินจือมาทำครีมทาหน้าเด้ง…ซึ่งไม่ใช่การทาคอลลาเจนให้ซึมเข้าไป…แต่เป็นการทาสิ่งที่เข้าไปเสริมสร้างคอลลาเจนไง…นัยว่าเป็นงานวิจัยของ “เภสัชกรยิปซี” เชียวนะ    สาระล่าสุด กลับมาใช้ตรรกะง่ายๆ จุดใต้ตำตอคือ หาอะไรไปซ่อมเซลล์ไฟโบรบลาสท์…เซลล์ผู้สร้างคอลลาเจน คือ หาเซลล์ผิวหนังจากสัตว์ไปซ่อมผิวหนังของคน แต่คงไม่ง่ายดังว่า กินหนังหมู หนังไก่ แล้วจะไปสร้างเป็นหนังเราได้ เคล็ดลับอยู่ที่ตัวชี้เป้า หรือนำสารไปสู่เป้าหมาย เซลล์ของอวัยวะเดียวกัน เช่น เซลล์ตับของสัตว์ ก็ไปซ่อมสร้างตับไม่ว่าคนหรือสัตว์ เซลล์ปอดก็ไปซ่อมปอด เคล็ดลับที่มีผู้ค้นพบและจดสิทธิบัตรโลกไว้คือ การคงสภาพตัวนำสารที่เรียก Messenger RNA (mRNA) ให้คงสภาพ คือไม่ผ่านความร้อน หรือถูกน้ำย่อยกระเพาะย่อยทำลาย เอาโปรตีนที่เป็นโปรโตพลาสซึม เช่น นิวเคลียส และผนังหุ้มเซลล์ออก เพราะเป็นตัวก่อภูมิแพ้ คงไว้แต่ไซโตพลาสซึมที่ยังมี mRNA ยังไม่ใช่แค่นี้ เขาพบว่าอวัยวะของสัตว์ที่คงคุณภาพซ่อมเป้าหมาย อวัยวะเดียวกัน จะต้องเป็นช่วงที่ยังไม่คลอดออกมาลืมตาดูโลก คือยังเป็นสภาพทารกในท้อง (unborned fetus) หากคลอดเป็นตัวแล้ว mRNA ก็เสื่อมสภาพไป 

 

 

        …แล้วจะให้ร่างกายนำไปใช้ได้อย่างไร หากไม่อยากให้ผ่านกระเพาะ ถูกน้ำย่อยทำลายคุณภาพ…ก็มีวิธีอมใต้ลิ้น ให้ซึมผ่านหลอดเลือดดำ หรือเคลือบ (enteric coated) ให้ผ่านกระเพาะไปดูดซึมที่ลำไส้เล็กแทน หลักการและความเป็นไปได้นี้ เป็นที่ยอมรับมากกว่า 70 ปีแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมา ต้องใช้วิธีฉีดเข้าร่างกาย และค่าใช้จ่ายแพงระยับ ต้องระดับมหาเศรษฐีเท่านั้น (ผู้สนใจอ่านได้จากเรื่องการแพทย์ชีวโมเลกุล) ความฝันยิ่งใกล้ความจริงเข้าไปอีกเมื่อผลิตภัณฑ์ที่ว่าได้รับทะเบียน อย. เป็นผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารราคาก็พอรับไหว ไม่ใช่เป็นแสนเป็นล้าน (แค่หลักพันถึงหมื่น) คือเป็นการกินเซลล์ผิวหนังและกล้ามเนื้อไปซ่อมเซลล์ผิว หรือไฟโบรบลาสท์ ให้ฟื้นคืนชีพมาแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า แบ่งตัวได้อีก 5 – 10 รอบ …หากได้อาหาร สิ่งแวดล้อมดีๆ ก็หนุ่มสาวขึ้นได้เป็น 10 ปี (เท่านั้น !) แต่อาจต้องทุ่มมากหน่อยกับผลที่คาดหวัง เพราะแต่ละเม็ด เป็นแป้งกว่า 99% สารออกฤทธิ์แค่นิดน้อยอีกข้อดีของวิธีที่เข้าใจง่าย (แต่ผลิตยาก) ของเซลล์ซ่อมเซลล์คือ ให้ต่อมใต้สมองและรังไข่ หรืออวัยวะที่ต้องการซ่อมสร้าง กลับมาผลิตฮอร์โมนได้ ย่อมปลอดภัยกว่าการฉีดโกร์ทฮอร์โมนเข้าร่างกายโดยตรง ซึ่งผลลัพธ์อาจสดใสเร็วจริง แต่ติดยาอันแสนแพง แถมเลิกปุ๊บเหี่ยวปั๊บ

 

         เงื่อนไขของการใช้ชีวโมเลกุลเซลล์ซ่อมเซลล์ คือ คุณต้องมีเซลล์เหลือให้ซ่อมพอสมควร ดังนั้น จะให้ได้ผลยกกำลังสาม หรือสามแรงแข็งขัน คือ ทั้งทาครีมผสมสารสกัดเห็ดหลินจือร่วมกับกินเบต้ากลูแคนด้วย อีกทั้งชีวโมเลกุลเซลล์ที่ต้องการซ่อม…ความสำเร็จก็น่าจะอยู่ใกล้เอื้อม!(ถ้ามีเงินเป็นถุง) แล้วก็อย่าลืมสิ่งทำลายผิว เช่น แสงแดด มลพิษต่างๆ…ที่สำคัญ คือ ทีมเวิร์คที่ใช้สร้างเซลล์ผิวต่างๆ ตั้งแต่ โอเมก้า3 วิตามินซี อี ธาตุสังกะสี ซีลีเนียม วิตามินบี ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่หาได้จากปลา ถั่ว ธัญพืช ผักผลไม้หลากสี ฯลฯ

* สรุปสูตรสร้างคอลลาเจน 

1. เซลล์ผิวหนัง + เซลล์ต่อมใต้สมอง + รังไข่ อย่างละ 1x2 อวัยวะรวม 1x1

2. น้ำมันปลา 1x3 + โคลีนบี และเบต้ากลูแคน อย่างละ 1x1 

3. โอพีซี + โคคิวเทน + วิตามินซี กับสังกะสี + ทองแดง + ซีลีเนียม + หรือใช้แบบรวมมิตรเท่าที่ได้ อย่างละ 1x1 

4. นมถั่วเหลือง 1x2

 

EasyCookieInfo